ชาวรัสเชียคลั่งปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาหน้าจั่ว ชั้น 3 ของพระมหาธาตุเจดีย์ฯ วัดฉลอง ล่าสุดเสียชีวิตแล้วหลังจากที่สลัดตัวจากการช่วยเหลือแล้วกระโดดลงมาตกลงมาบนเบาะลม
จากกรณีชายชาวรัสเซีย อายุ 35 ปี ยังไม่ทราบชื่อได้ปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาหน้าจั่ว ชั้น 3 ของพระมหาธาตุเจดีย์ พระจอมไทยบารมีประกาศ วัดไชยธาราราม หรือวัดฉลอง ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งมีความสูงจากชั้นล่าวประมาณ 20 เมตร ตั้งแต่เวลาประมาณ 17.30 น. ของวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 โดยเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่เห็นเหตุการณ์ได้พยายามเข้าช่วยเจรจาและเกลี่ยกล่อมให้ลงมาจากจุดดังกล่าว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเบาะลมมาวางไว้บริเวณชั้นล่าง เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด โดยมีนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้เดินทางมาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ในระหว่างที่อยู่บนหลังคาหน้าจั่ว ชายคนดังกล่าวได้มีการผุดลุกขึ้นยืนและนั่งตลอดเวลา ขณะเดียวกันได้ดื่มน้ำจากขวดที่เขาถืออยู่เป็นระยะๆ และขอน้ำดื่มเพิ่มจากผู้ที่เข้าไปเจรจาด้วย นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ฯ ยังได้มีการนำบันไดไม้ไปพาดไว้เพื่อให้เขาไต่ลงมา แต่ไม่สำเร็จและมีการผลักออก กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 4 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการ ภายในการควบคุมของ นายสมปราชญ์ ปราบสงคราม ปลัดจังหวัดภูเก็ต และ นางธนพร องค์สันติภาพ นายกเทศมนตรีตำบลฉลอง พร้อมผู้เกี่ยวข้องได้มีการหารือร่วมกับทีมกู้ชีพกู้ภัย ก่อนที่จะตัดสินใช้เชือกห้อยลงมา เพื่อใช้สำหรับโรยตัว ก่อนจะมีการเข้าชาร์จนักท่องเที่ยวในช่วงที่เขาเริ่มอ่อนแรง แต่ปรากฎว่าเมื่อทีมชาร์ทเข้าประชิดตัวชายคนดังกล่าวได้สำเร็จ และพยายามขัดขืน ทั้งเตะและผลักเจ้าหน้าที่ออกจากตัว ด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างคับแคบทำให้เกิดการชุลมุนก่อนที่เขาจะสลัดออกจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะกระโดดลงมาด้านล่างซึ่งมีเบาะลมรองรับอยู่ แต่มีอาการบาดเจ็บ ชุดกู้ชีพที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วได้เข้าไปนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเป็นการด่วน ท่ามกลางการลุ้นอย่างใจจดใจจ่อของชาวบ้านที่มาติดตามสถานการณ์ และเข้าไปรุมล้อมหลังจากที่ชายดังกล่าวตกลงมาบนเบาะลม และพยายามจะเข้าไปต่อว่าถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว
อย่างไรก็ตามล่าสุด มีรายงานว่านักท่องเที่ยวคนดังกล่าวเสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะมีการพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุการสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทีมชาร์จ เล่าว่า วิธีการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จะมีการประเมินสถานการณ์ ทุกวินาที เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้า โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเทศบาลตำบลฉลอง ในการประเมินสถานการณ์และตัดสินใจในการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวรายดังกล่าว เนื่องจากหากสถานการณ์ดึกก็ไม่สามารถที่จะควบคุมได้ อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต ซึ่งเป็นการตัดสินใจร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเป็นการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่าง อาสาสมัครตำรวจน้ำภูเก็ตมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร โดยมีการพูดคุยมีแผนสำรองหลายแผน แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่กังวลใจ คือ มวลชนที่ มาดูและสังเกตการณ์เป็นจำนวนมาก หากเจ้าหน้าที่ตัดสินใจในการเข้าไปชาร์จตัวอาจจะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความตื่นตัว ตกใจและตัดสินใจกระโดด โดยเหตุผลที่สนใจสังเกตุว่านักท่องเที่ยวมีความเมื่อยล้าอ่อนแรง โดยช่วงแรกเหมือนจะยอมให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ แต่สักพักมีการต่อสู้เกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ทำร้ายนักท่องเที่ยวเนื่องจากต้องการที่จะช่วยเหลือ