ชุดสืบสวนประชุมติดความคืบหน้าคดีคนร้ายชิงทอง

ชุดสืบสวนประชุมติดความคืบหน้าคดีคนร้ายชิงทองทำร้ายคนดูแลร้านได้รับบาดเจ็บ ในเบื้องต้นคนร้ายได้ทองรูปพรรณไปกว่า 300 บาท มูลค่ากว่า 10 ล้าน พร้อมเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย

จากกรณีเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 23 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุว่า มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน  ปีนหลังคาฝ้าเพดานเข้าไปภายในบ้านเลขที่ 18 ถ.ระนอง ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งด้านหน้าบ้านเปิดเป็นร้านจำหน่ายทองคำ ชื่อ “ห้างทองทวีชัย” และเกิดการต่อสู้กับเจ้าของบ้านซึ่งเป็นเจ้าของร้านทอง โดยใช้ไม้หน้าสามทุบจนรับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย ทราบชื่อภายหลัง คือ นายหวังดี อินทวงศ์ อายุ 71 ปี  กับนางพวงเพ็ญ ศักดิ์เกษมกฤต อายุ 65 ปี  พร้อมบังคับให้เปิดตู้เซฟ กวาดทองคำรูปพรรณไปได้จำนวนหนึ่ง  จากนั้นคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไปทางประตูด้านหลังบ้านที่เกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับความคืบหน้า ล่าสุด ที่ ห้อง กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ รองผบก.สส.ภ.8 รักษาการผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ได้เรียกประชุมชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และชุดสืบสวนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี พร้อมมีการแบ่งชุดกันทำงาน โดยได้มีการเชิญตัวพนักงานขายทองหญิงประจำร้านทองทวีชัยมาให้ข้อมูลต่างๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งใช้เวลาในการประชุมสรุปความคืบหน้ากว่า 1 ชม. จากนั้นแต่ชุดได้ลงพื้นที่ทำงานเพื่อหาเบาะแสคนร้าย

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทราบตำหนิรูปพรรณคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 25-35 ปี สูงประมาณ 160 ซม. ใส่แกปหมวกสีดำ สวมโม่งสีดำ เสื้อแขนยาวสีดำ มีแถบขาวตรงกลาง สวมกางเกงขายาวสีดำ สวมถุงมือ สวมรองเท้าสีดำ มีแถบขาว ถือมีดยาว ประมาณ 20 เซนติเมตร และไม้หน้าสาม ยาวประมาณ 120 เซนติเมตร และทราบว่า คนร้ายได้ถอดรองเท้าทิ้งไว้ที่หน้าตู้เชฟภายในร้านและได้เก็บไว้เป็นหลักฐานหลังจากที่ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต มีการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง ทราบว่า สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ราย คือ นางพวงเพ็ญ ศักดิ์เกษมกฤต อายุ 65 ปี เป็นพี่สาวของเจ้าของร้านทองทวีชัย ส่วน นายหวังดี อินทวงศ์ อายุ 71 ปี เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ้าของร้าน โดยทั้ง 2 คนได้พักผ่อนอยู่ภายในร้าน จากนั้น ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คนบุกรุกเข้ามาภายในร้าน โดยเข้ามาทางหลังคาฝ้าบริเวณชั้นสองของร้าน ซึ่งร้านมี 2 ชั้น โดยเพดานมีร่องรอยเป็นช่อง คนร้ายได้ลอดลงตามช่องเพดาน ลงมาบริเวณชั้นที่ 1 บริเวณส่วนกลางของบ้านโดยขณะนั้น นางพวงเพ็ญฯ และนายสมหวังฯ นั่งดูที่วีอยู่ เมื่อคนร้ายลงมาถึงได้ใช้อาวุธมีดที่อยู่ในครัว และไม้ระแปงที่เตรียมมาขมขู่บุคคลทั้งสองให้พาไปเปิดประตูห้องเก็บตู้เซฟ ซึ่งเป็นประตูนิรภัย แต่บุคคลทั้งสองไม่ยินยอมจึงถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดและใช้ไม้ ตีบริเวณศรีษะนางพวงเพ็ญฯและนายหวังดีฯ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ทำให้บุคคลทั้งสองจำเป็นต้องไปเปิดประตูห้องนิรภัย โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนางพวงเพ็ญฯ เป็นผู้เปิดประตูนิรภัยและเปิดตู้เซฟ ซึ่งใช้เก็บทองรูปพรรณทั้ง สร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน และกำไล จำนวนหลายรายการ จากนั้นคนร้ายได้นำทองรูปพรรณที่อยู่ภายในตู้เซฟ จำนวนหลายรายการ และนำทองรูปพรรฯที่วางอยู่บนถาดบนรถเข็ญซึ่งอยู่ใกล้ๆกับตู้เซฟ บรรจุใส่ถุงพลาสติกสีขาว ขนาดใหญ่ ที่อยู่ภายในร้าน จากนั้น คนร้ายพร้อมนำทองรูปพรรณ ที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสสีขาวหลบหนีออกจากบ้านไปทางช่องเดิมที่เข้ามา ส่วน นางพวงเพ็ญฯ และนายหวังดีฯ ซึ่งได้รับบาดเจ็บ นอนบาดเจ็บอยู่บริเวณหน้าทีวี ต่อมานางพวงเพ็ญฯ ได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ จากบุคคลที่อยู่ข้างเคียง จนได้รับการช่วยเหลือในที่สุด

พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ รองผบก.สส.ภ.8 รักษาการผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการประชุมความคืบหน้าคดีดังกล่าว โดยได้เชิญพนักงานงานขายมาสอบถามเรื่องดังกล่าว พบว่า ทองรูปพรรณที่หายไปกว่า 300 บาท มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และขณะนี้ได้แบ่งชุดการทำงานโดยให้แต่ชุดลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรเส้นทางที่คนร้ายเริ่มมาก่อเหตุและเส้นทางที่ใช้หลบหนี ในเบื้องต้นคดีดังกล่าวคืบหน้าไปมากแล้ว ส่วนคนร้ายยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นคนไทยหรือแรงงานต่างด้าว แต่ไม่ได้ตัดประเด็นคนที่เคยเข้าออกร้านทองเช่นเดียวกัน