ตำรวจภูเก็ตแถลงผลปฏิบัติแก้ปัญหาต่างด้าวทำผิดกฎหมาย ช่วงวันที่ 10-16 กุมภาพันธ์ 2568 จับกุมกระทำความผิดทางอาญา 103 ราย และกระทำผิดกฎหมายจราจร 1,625 ราย
พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.เกรียงไกร อาริยะยิ่ง ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต และ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ สวัสดิ์ถาวร ผู้กำกับการตำรวจท่องเที่ยว 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 ร่วมแถลงข่าวผลการปฏิบัติ ในการบูรณาการกำลัง การระดมกวาดล้าง และดำเนินการในการแก้ไขปัญหาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และคนต่างด้าว ถูกหลอกลวงหรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ ในช่วงวันที่ 10-16 กุมภาพันธ์ 2568 รวมกระทำความผิดทางอาญา จำนวน 103 ราย และกระทำผิดกฎหมายจราจร จำนวน 1,625 ราย
พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า
ในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว เป็นการดำเนินการเพื่อปราบปราม และป้องกัน การกระทำความผิดของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในจังหวัดภูเก็ตไม่ว่าจะเป็น ภ.จว.ภูเก็ต, กก.ทท.2 บก.ทท.3 และ ตม.จว.ภูเก็ต ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาโดยตลอด
ในปี 2567 ถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการจับกุมชาวต่างชาติที่กระทำความผิดอาญา จำนวน 2,422 ราย และความผิดจราจร 32,127 ราย
จะเห็นได้ว่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในจังหวัดภูเก็ต มีความจริงจังในการบังคับใช้กฎหมายกับชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยแล้วไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง ก่อความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน
“ขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน ไปยังนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ขอให้ศึกษาและเคารพกฎหมาย อย่าละเมิดหรือกระทำผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และหากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิดต่างๆ โดยเฉพาะการที่ชาวต่างชาติประกอบธุรกิจที่ผิดกฎหมาย หรือ การก่อความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนให้แจ้งไปยังหน่วยงานตำรวจที่ใกล้ท่าน หรือ สายด่วน 191 เพื่อทำให้จังหวัดภูเก็ตเป็นจุดมุ่งหมายที่ดีที่สุดของการท่องเที่ยว ที่มีความสงบเรียบร้อยและมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน” พล.ต.ต.สินเลิศ กล่าว
ด้านพ.ต.อ.เกรียงไกร อาริยะยิ่ง ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมกรณีฟรีวีซ่า ว่า ฟรีวีซ่าไม่น่าจะเป็นสาเหตุหลักของปัญหานักท่องเที่ยวก่อความวุ่นวาย แต่ปัจจัยสำคัญคือ ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่งผลให้จำนวนคดีหรือเหตุการณ์ความไม่สงบเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ตามหลักสถิติ เมื่อมีคนจำนวนมากเข้ามา ย่อมมีโอกาสที่บางส่วนจะกระทำผิดกฎหมายหรือก่อเหตุไม่เหมาะสม
ดังนั้น แนวทางการแก้ไขปัญหาควรมุ่งเน้นไปที่ การบริหารจัดการนักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และการเสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัย แทนที่จะมองว่าวีซ่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหาที่เกิดขึ้น