นับถอยหลังภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เหลือเวลาแค่ 15 วัน ภูเก็ตเตรียมพร้อมแล้วทุกด้าน ผู้ว่าฯ เสนอมาตรการควบคุมคนเข้า-ออก ขอสนับสนุนยกระดับด่านตรวจท่าฉัตรไชย ที่ประชุม ศปก.ศบค. วางแผนซักซ้อมรับนักท่องเที่ยวสนามบินภูเก็ต ด่านตรวจท่าฉัตรไชย และท่าเรือ
นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ว่า นับจากวันนี้เหลือเวลาเพียง 15 วันเท่านั้นที่ภูเก็ตจะเดินไปสู่แผน Phuket Sandbox เปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในวันที่ 1 ก.ค.2564 นี้ โดยขณะนี้จังหวัดภูเก็ตได้มีการเตรียมความพร้อมในหลายๆ ด้าน ทั้งในส่วนของการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่ตัวเลขการติดเชื้ออยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ตัวเลขลดลงมาเป็นศูนย์ติดต่อกันหลายวัน และเพิ่มขึ้นเป็น 4 คน เมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็ดำเนินการคืบหน้าไปมากแล้ว ประชากรที่อยู่ในภูเก็ตได้รับการฉีดวัคซีนแล้วกว่าร้อยละ 75 แต่จะต้องเร่งรณรงค์ให้คนที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านออกมาฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นระบบการติดตามตัวมีความชัดเจนแล้วว่า จะใช้แอปพลิเคชัน “หมอชนะ” เวอร์ชันภาษาอังกฤษ ซึ่งทางดีป้ากำลังพัฒนาระบบและศูนย์ควบคุม รวมไปถึงติดตามตัวด้วยสายรัดข้อมือมาใช้ควบคู่กันไป และในอนาคตอันใกล้อาจจะใช้ระบบตรวจจับใบหน้า ด้านโรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร รถบริการนักท่องเที่ยว ร้านค้าต่างๆ บริษัททัวร์ บริษัทนำเที่ยวที่จะต้องรับนักท่องเที่ยวจะต้องได้รับมาตรฐาน SHA และ SHA Plus+ ก็ได้ดำเนินการคืบหน้าไปมากแล้วเช่นกัน มีสถานประกอบการในภูเก็ตเกือบ 300 แห่ง ที่ได้รับมาตรฐาน SHA Plus+ แล้ว โดยเฉพาะโรงแรมที่พักจะต้องได้รับมาตรฐาน SHA Plus+ เท่านั้นนักท่องเที่ยวถึงจะจองเข้าพักได้ในเวลา 14 คืน ซึ่งสามารถเลือกได้ 3 โรงแรม
นอกจากนี้ ทางจังหวัดภูเก็ตยังได้กำหนดมาตรการในการควบคุมดูแลไม่ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางออกนอกเกาะภูเก็ตไปยังพื้นที่อื่นๆ หากยังอยู่ภูเก็ตไม่ครบ 14 วัน ทั้งทางบก ผ่านด่านท่าฉัตรไชย และทางเรือ กำหนดไว้ 3 ท่าด้วยกัน คือ ท่าเรืออ่าวฉลอง ท่าเรือรัษฎา และท่าเรืออ่าวปอ ที่จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ซึ่งเรื่องนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต จะนำเสนอต่อที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศปก.ศบค. ในวันพรุ่งนี้ (16 มิ.ย.) รวมไปถึงขอการสนับสนุนจากหน่วยงานส่วนกลางในการยกระดับด่านตรวจท่าฉัตรไชยให้เทียบเท่ากับสนามบินภูเก็ต โดยจะมีหน่วยงานต่างๆ ทั้งฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ตำรวจ ตำรวจคนเข้าเมือง หน่วยงานด้านการควบคุมโรค มาประจำที่ด้านท่าฉัตรไชยในการควบคุมคนเข้า-ออกจากเกาะภูเก็ต หลังการเปิดเมือง 1 ก.ค.นี้ไปแล้วที่จะต้องคุมเข้มทั้งในส่วนคนไทยที่จะเดินทางเข้ามา และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อยู่ภูเก็ตครบ 14 วันแล้วเดินทางออกไปยังพื้นที่อื่นๆ และทางจังหวัดภูเก็ตยังได้กำหนดบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทย เช่น การพักหรือเพิกถอนใบอนุญาตต่างๆ เป็นต้น
โดยมาตรฐานต่างๆ นั้น เมื่อผ่านการพิจารณาของ ศปก.ศบค.ในวันพรุ่งนี้แล้วจะมีการนำเสนอเข้าสู่การประชุม ศบค.อีกครั้งในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ก่อนเข้าสู่คณะรัฐมนตรี และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปนายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า เพื่อให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเข้ามาในวันที่ 1 ก.ค.นี้ได้รับความสะดวดและรวดเร็วที่สุด ทางจังหวัดภูเก็ตได้กำหนดซักซ้อมการเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวทั้งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ โดยเฉพาะทางอากาศที่สนามบินภูเก็ต จะมีการซักซ้อมรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ที่ลงจากเครื่องบิน การตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกาย การตรวจเอกสารหลักฐานต่างๆ ตามที่กำหนด ด่านตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร และการสวอปหาเชื้อโควิด-19 วันแรกที่มาถึง ซึ่งกำหนดไว้ที่ทางออกประตู 1 รถที่จะมารับนักท่องเที่ยวจะต้องเป็นรถที่ผ่านมาตรฐาน SHA Plus+ เท่านั้น โดยนักท่องเที่ยวจะต้องไปรอรับผลการตรวจการเชื้อที่ห้องพักของโรงแรม ไม่สามารถออกนอกห้องได้จนกว่าจะรู้ผล และจะมีการตรวจอีกครั้งในวันที่ 6 และวันที่ 12 โดยในช่วง 14 วันนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเปลี่ยนที่พักที่เป็นโรงแรมได้รับเครื่องหมาย SHA Plus+ ได้ 3 โรงแรม
การซักซ้อมที่ด่านท่าฉัตรไชย เป็นการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกเกาะภูเก็ต ทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ภูเก็ตครบ 14 วันแล้วต้องการที่จะเดินทางออกนอกเกาะภูเก็ตจะต้องมีการตรวจสอบอย่างไร ทั้งในส่วนของการสวอปหาเชื้อโควิด-19 โรงแรมที่พักในพื้นที่อื่นๆ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่อยู่ภูเก็ตยังไม่ครบ 14 วัน หากมีการลักลอบออกนอกพื้นที่จะค้นหากันอย่างไร รวมถึงคนไทยที่จะเดินทางเข้ามายังเกาะภูเก็ตหลังการเปิดเกาะ ทั้งทางบก และทางน้ำ“เรื่องเหล่านี้หน่วยงานในภูเก็ตได้มีการหารือกำหนดเป็นมาตรการ มีการซักซ้อมทำความเข้าใจของหน่วยปฏิบัติทั้งหมด รวมไปถึงเสนอขอความเห็นชอบและขอการสนับสนุนจากหน่วยงานในส่วนกลาง เพื่อให้ภูเก็ตพร้อมรับนักท่องเที่ยวมากที่สุด” นายพิเชษฐ์ กล่าวและว่า
ถึงวันนี้คิดว่าภาพรวมแล้ว ภูเก็ตมีความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จากประเทศที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ต่ำจนถึงปานกลางเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต โดยไม่ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ก่อนที่จะออกนอกพื้นที่ไปท่องเที่ยวพื้นที่อื่นๆ เป็นพื้นที่นำร่อง ซึ่งอยากให้ชาวภูเก็ตทุกคนเป็นเจ้าบ้านที่ดีร่วมกันต้อนรับนักท่องเที่ยว และในระยะแรกนักท่องเที่ยวอาจจะไม่ได้เข้ามาจำนวนมาก ซึ่ง ททท.ประมาณการไว้ว่าในช่วงไตรมาส 3 นี้ จะมีต่างชาติเข้ามาภูเก็ต 129,000 คน สร้างรายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท หากการทดลองที่ภูเก็ตประสบความสำเร็จจะได้ขยายไปยังพื้นที่อื่นต่อไป