สืบเนื่องจากกรณีที่ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต มีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโควิค-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่เดินทางผ่านสนามบินภูเก็ตแล้ว จำนวน 5 คน ซึ่งทั้งหมดเดินทางเข้ามาในรูปแบบของ test&go โดย 4 คน เป็นชาวต่างชาติ ประกอบด้วย ชายชาวอเมริกัน อายุ 31 ปี, ชายชาวสวีเดน อายุ 36 ปี , ชายชาวตูนิเซีย อายุ 32 ปี และหญิงชาวเยอรมัน อายุ 24 ปี และอีก 1 คน เป็นคนไทยชาวปัตตานี ซึ่งได้เดินทางกลับไปรักษาตัวที่ โรงพยาบาลโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ส่วนของผู้สัมผัสเสี่ยงสูงประมาณ 20 คนอยู่ในระหว่างการกักตัวและรอดูอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งทั้งหมด มีการตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันแรกที่สนามบิน ก่อนจะมาทราบผลว่าเป็นเชื้อโอไมครอน หลังจากส่งเชื้อไปตรวจ แต่ในส่วนของผู้ที่ติดเชื้อถูกส่งไปรักษาตัวตั้งแต่ต้นแล้ว
นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์โอไมครอน เป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมายอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่ต่างจากการเจอเดลต้าหรืออัลฟา แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่ามีความพร้อมในการรับมือ สังเกตได้จากที่สนามบินภูเก็ต ยังมีการตั้งจุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 อยู่เช่นเดิม ต่างจากหลายๆ ที่ หรือที่เรียกว่าตรวจหาเชื้อเดย์ศูนย์ จากนั้นให้ไปรอผลที่ห้องพัก ฉะนั้นจึงทำทราบตั้งแต่วันแรกที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงว่าติดเชื้อโควิดหรือไม่
“จากกรณีที่มีการพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนของภูเก็ต จากที่ได้ติดตามจากข่าว จากการตรวจสวอปเดย์หนึ่งและพบว่า คนเหล่านี้มีผลบวก ซึ่งจะถูกนำตัวเข้ารับการรักษาทัน ส่วนผลของการตรวจหาเชื้อโอไมครอนนั้น จะต้องใช้ผลจากห้องทดลองซึ่งต้องใช้เวลา ดังนั้นในระหว่างที่รอว่าเป็นเชื้ออะไร ทุกคนจะถูกนำตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก่อนแล้ว โดยไม่ได้ออกไปยังสถานที่ต่างๆ จึงสร้างความสบายใจให้กับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ว่า ทางภูเก็ตไม่ได้มีการละเลยให้คนเหล่านี้อยู่ในชุมชน”
นายภูมิกิตติ์ กล่าวด้วยว่า จะต้องยอมรับความจริงว่า จากที่มีการติดตามสถานการณ์การจองห้องพักในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าลดลง ประมาณ 20% เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากยุโรป ซึ่งมั่นใจว่ารัฐบาลของเขาจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการในการควบคุมโรคอย่างไรกรณีที่เดินทางกลับไปจากต่างประเทศ เพราะหลายประเทศเริ่มที่จะเข้มงวดมากขึ้น เช่น เนเธอร์แลนด์ซึ่งได้มีการประกาศล็อคดาวน์ไปแล้ว เป็นต้น ฉะนั้นสาเหตุที่ไม่กล้าเดินทางออกไม่ใช่ไม่มั่นในประเทศที่จะไป แต่ไม่มั่นใจว่าขากลับเข้าประเทศจะเป็นอย่างไร