ภูเก็ตเห็นชอบให้สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตรังวัดรับรองแนวเขตที่ดินของรัฐ

ภูเก็ตเห็นชอบให้สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตรังวัดรับรองแนวเขตที่ดินของรัฐดำเนินการพิจารณาส่งอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศเพื่อหาตำแหน่งและแนวเขตที่ดินของรัฐตามแนวทางมาตรการพิสูจน์สิทธิหลังมีประชาชนมายื่นขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าบริเวณซอยเกาะแก้ว 8 หมู่ที่ 3 ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ 12 ไร่

จากกรณีที่มีเอกชน ได้มายื่นเรื่องขออนุญาตใช้พื้นที่ป่า ตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 เพื่ออยู่อาศัยและ การประกอบอาชีพเกษตรกรรมและการปลูกป่าหรือทำสวนป่า และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ บริเวณซอยเกาะแก้ว 8 หมู่ที่ 3 ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ 12 ไร่หลังมีการยื่นเรื่องแล้วทางคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ตได้ตรวจสอบพื้นที่และสภาพป่าแล้วไปตามหลักเกณฑ์ตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. 2558 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเห็นควรอนุญาต ต่อมาสำนักจัดการทรัพยากร ป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พิจารณาให้ความเห็นเพื่อประกอบการรายงานกรมป่าไม้ ซึ่งผู้ว่า ฯ ได้มอบหมายให้รองผู้ว่า ฯ (นายอำนวย พิณสุวรรณ) ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานแผนที่ภาพถ่ายอากาศทางอากาศจากหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจเกี่ยวกับ พื้นที่ที่ขออนุญาตให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่าพื้นที่ขออนุญาตมีสภาพเดิมเป็นอย่างไร และ/หรือหน่วยงานใดมีหน้าที่ ในการดูแลรักษาที่ดินดังกล่าวหรือไม่ ประการใด

นายอานุภาพ กล่าวว่า ในกรณีการขอให้ใช้พื้นที่ป่าของเอกชนแปลงนี้ จังหวัดภูเก็ตยังได้รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์จากผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านหมู่ที่ 3 ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมืองภูเก็ต ขอให้ทบทวนการพิจารณาอนุญาตบุคคลเข้าทำประโยชน์ในที่ดินเกาะแก้วซอย 8 (คานเรือ) เนื่องจากผู้ขอใช้เป็นบุคคลภายนอกพื้นที่ ไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริง และกังวล ว่าจะเกิดปัญหากระทบทำให้ชุมชนเดือดร้อน จึงได้มีการทำประชาคมหมู่บ้านเพื่อสอบถามความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว และมีมติเป็นเอกฉันท์เรียกร้องให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะเพื่อก่อสร้างเป็นท่าเทียบเรือประมงพื้นบ้านและสวนสาธารณะต่อไป สำหรับความเป็นมาของที่ดินแปลงนี้ ตามคำสั่งอำเภอเมืองภูเก็ต ที่ 324/2560 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 คณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบที่ดินเกี่ยวกับประวัติ สภาพที่ดิน ประเภทและการใช้ประโยชน์ เบื้องต้นมีการสรุปความเห็นว่า สภาพที่ดินเดิมเป็นที่ชายทะเลในขณะเวลาน้ำขึ้นสูงสุดจะท่วมพื้นที่โดยส่วนใหญ่แต่ไม่ท่วมทั้งหมด มีการเข้าใช้พื้นที่โดยการ ปรับถมดิน ประชาชนพลเมืองได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันเป็นทางสัญจร ขึ้น – ลงเรือ จอดเรือ การซ่อมเรือประมงชายฝั่ง โดยมีเอกชนเข้าทำประโยชน์ในที่ดินรวมไปถึงสิ่งปลูกสร้าง โดยขณะนั้นเอกชนก็ได้มีการเช่าที่ดินจาก อบจ.ภูเก็ต ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 ถึงปี พ.ศ. 2542 หลังจากนั้นจึงได้โอนภารกิจให้ อบต.เกาะแก้ว เป็นคู่สัญญาต่อตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ถึงปี พ.ศ. 2560 ต่อมา อบต.เกาะแก้ว ประสงค์จะให้ประชาชนเช่าต่อแต่ไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากครบกําหนดสัญญาเช่า จึงมีคณะกรรมการจัดหาประโยชน์ ฯ ของอบต.เกาะแก้วในขณะนั้น ขอให้พิจารณาในเรื่องประเภทของที่ดินให้ชัดเจนก่อน จะจัดหาประโยชน์ เพราะเนื่องจากในสาระบบที่ดินไม่มีข้อมูลเลย มติที่ประชุมของคณะกรรมการจัดหาประโยชน์ฯ จึงขอให้ ไปดำเนินการรังวัดและขอออกหลักฐานที่ดินจากสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตเพื่อจะดำเนินการต่อไป และสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตแจ้งว่าไม่สามารถยื่นออก น.ส.ล. ได้ เนื่องจากไม่มีในสาระบบที่ดินและตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันก็ไม่ได้มีการ ให้เช่าใดๆ จนทางสำนักงานป่าไม้ได้ตีความตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2584 ว่า “ป่า”หมายความว่า ที่ดิน ที่ยังมิได้มีบุคคลใดได้มาตามกฎหมายที่ดิน ซึ่งจากการพิจารณาในเบื้องต้นเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 2 และมาตรา 3 ที่ดินซึ่งมิได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดให้ถือว่าเป็นของรัฐ จึงมีประเด็นว่าที่ดินดังกล่าวเป็นประเภทที่ดินตามกฎหมายใด ด้วยเหตุนี้จึงได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าคณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินของรัฐ (คพร.จังหวัดภูเก็ต)

นายอานุภาพ กล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินการ กรณีนี้ได้นำเรื่องเข้าวาระเพื่อพิจารณาในการประชุมคณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐ (คพร.จังหวัดภูเก็ต) ครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ที่ประชุมมีความเห็นว่า “การเป็นที่ป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ไม่มีแนวเขตหรือแผนที่ เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งการเป็นที่รกร้างว่างเปล่าประชาชนอาจได้มาซึ่งสิทธิ แต่หากเป็นป่าไม้ เช่น ป่าไม้ของชาติ ป่าสงวน ป่าไม้ถาวร อุทยานแห่งชาติ เป็นต้น จะมีแผนที่แนบท้ายมีแนวเขตชัดเจน กรณีนี้ที่ อบต. ให้เช่าในขณะนั้น เพราะเห็นว่าเป็นที่ติดทะเล จึงมองว่าเป็นหาดทรายหรือชายหาดซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่พลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นอำนาจหน้าที่ของอำเภอและท้องถิ่นดูแลร่วมกันซึ่งหากเป็นป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 จะต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในการใช้ประโยชน์ เพราะในข้อเท็จจริงที่ดินเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน การนำเข้ามติตามคณะอนุกรรมการ ฯ ชุดนี้ จะเป็นการหาแนวเขตว่าเป็นที่ดินของรัฐประเภทใด เพื่อจะได้ดำเนินการในขั้นตอนอื่นต่อไปซึ่งได้มอบหมายให้อำเภอเมืองภูเก็ตได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา สภาพที่ดิน และการใช้ประโยชน์ เกี่ยวกับที่ดินเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไปโดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบให้สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตรังวัดรับรองแนวเขตที่ดินของรัฐเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิสูจน์ในที่ดินของรัฐจังหวัด (คพร.จังหวัดภูเก็ต) เพื่อดำเนินการพิจารณาส่งอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศเพื่อหาตำแหน่งและแนวเขตที่ดินของรัฐตามแนวทางมาตรการพิสูจน์สิทธิของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติต่อไป

สำหรับความคืบหน้าในปัจจุบัน ผู้ขออนุญาตใช้พื้นที่ได้ไปยื่นเรื่องขออนุญาตประกอบกิจการในที่ดินของรัฐ ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตแล้ว เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 และมีการนัดทำการรังวัดที่ดินดังกล่าวในวันที่ 5 กันยายน 2565 เมื่อได้ผลการรังวัดและรับรองแนวเขตที่ดินของรัฐแล้ว จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิสูจน์ในที่ดินของรัฐจังหวัด (คพร.จังหวัดภูเก็ต) ต่อไป

Subscribe