อดีต รปภ.สวนงู ที่ถูก 3 คนร้ายที่ทำร้ายจนพิการเข้าชี้ตัวผู้ต้องหา แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 10 ปี แต่ยังจำได้แม่นยำ
สืบเนื่องเมื่อกลางดึกวันที่ 23 เม.ย.2555 มีกลุ่มคนร้าย 3 คนบุกเข้าไปในสำนักงานของบริษัท ภูเก็ตเฮลตี้ นูทรีเม้น จำกัด (สวนงูภูเก็ต) ซ.ตาเอียด ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ตแล้วจับตัว นายอนุชิต ไชยทองงาม อายุ 29 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยมัดมือมัดเท้าและทุบศีรษะจนสลบ ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งจนกลายเป็นคนพิการ จากนั้นได้วางเพลิงเผาสวนงูดังกล่าว หลังเกิดเหตุ สภ.ฉลอง ได้ขอศาลจังหวัดภูเก็ตอนุมัติหมายจับกลุ่มคนร้ายผู้ก่อเหตุไว้ 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายสุวรรณ ทองเพิ่มพลอย อายุ 53 ปี 2.นายยุทธนา การมาสม อายุ 48 ปี และ 3.นายสุรชัย ทองขลิบ อายุ 42 ปี ต่อมาตำรวจกองปราบจับกุม นายสุวรรณ เอาไว้ได้และเชิญ นายยุทธนา มาสอบปากคำ เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การรับสารภาพว่า รับการจ้างวานจาก “ตู้ห่าว” และภรรยา เพื่อให้เข้ามาก่อเหตุ ปมมาจากความขัดแย้งทางธุรกิจ ทำให้เหลือ นายสุรชัยที่ยังหลบหนีอยู่ ก่อนส่งตัวทั้ง 2 คนให้กับพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ดำเนินคดี แต่ต่อมาอัยการสรุปไม่สั่งฟ้อง ทำให้เหลือ นายสุรชัย ที่ยังหลบหนีอยู่อีก 1 ราย
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ม.ค.2566 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.สั่งการให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สามเสนเข้าจับกุมนายสุรชัย ทองขลิบ อายุ 42 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.546/2555 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2555 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ ได้ภายในลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แขวงนครชัยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยนายสุรชัยได้หลบหนีมานานถึง 11 ปี โดยหนีมาอยู่ภายในชุมชนบางกระบือ 14 แขวงนครชัยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ เบื้องต้นนายสุรชัยให้การปฏิเสธ จึงนำตัวส่ง สภ.ฉลอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00น.วันที่17 เม.ย.66 ที่ สภ.เมืองภูเก็ต นายอนุชิต ไชยทองงาม อายุ 29 ปี อดีตพนักงานรักษาความปลอดภัยสำนักงานบริษัท ภูเก็ตเฮลตี้ นูทรีเม้น จำกัด (สวนงูภูเก็ต) ซ.ตาเอียด ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ที่ถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายจนพิการพร้อมครอบครัวและทนายความได้เข้าชี้ตัวผู้ต้องหาและรูปผู้ต้องหาบางส่วนที่ร่วมกันทำร้ายในวันเกิดเหตุ เพื่อยืนยันรูปพรรณของคนร้าย โดย นายอนุชิต สามารถชี้ผู้ต้องหาและรูปผู้ต้องหาได้อย่างแม่นยำ ทั้งๆ ที่เวลาล่วงเลยมากว่า 10 ปี โดย นายอนุชิต อยู่ในสภาพร่างกายที่เดินเหินลำบาก เนื่องจากขาขวาพิการจากการถูกทำร้ายในวันเกิดเหตุ ต้องมีพ่อและแม่คอยพยุงเดินขึ้น สภ.เมืองภูเก็ต เวลาจะลุกขึ้นก็ต้องพยุง การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปด้วยความยากลำบากและไม่สามารถประกอบอาชีพใดๆ ได้
ด้านแม่ นายอนุชิต กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอว่า ความยากลำบากที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน ทำให้ครอบครัวเรายากลำบากจนแทบไม่สามารถบรรยายใดๆได้ ที่ผ่านมาได้ไปร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ แต่ก็ไร้ประโยชน์และไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ซึ่งเมื่อลูกชายพิการ ทำให้ไม่สามารถทำงานใดๆได้ ส่งผลให้พวกเราพิการไปด้วย เพราะต้องคอยดูแลเค้า เวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา พ่อแม่ลำบากมาก แต่การเป็นแม่คน รักลูกมากกว่าความลำบาก ซึ่งก็ต้องอดทน และไม่สามารถทอดทิ้งเค้าได้
“น้องต้องฟอกไตวันเว้นวัน ถ้าไม่ฟอก น้องจะตัวบวมและน้ำจะท่วมปอด หายใจไม่ค่อยออกและสามารถช๊อตหมดสติได้ทุกเวลา โดยภาพรวมของร่างกายการเคลื่อนไหวไม่ปกติ ซีกซ้ายอ่อนแรง ซึ่งอาการทั้งหมดเป็นมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุ และต้องผ่าสมองอีกด้วย” แม่และพ่อกล่าวด้วยความเสียใจ