แจ้งข้อหาสาวหล่อฉุน นทท.จีนขอคืนเงินมัดจำแพ็กเกจทัวร์ ทั้งถีบและฟันบาดเจ็บแล้ว สารภาพโมโห

แจ้งข้อหาสาวหล่อฉุน นทท.จีนขอคืนเงินมัดจำแพ็กเกจทัวร์ ทั้งถีบและฟันบาดเจ็บแล้ว สารภาพโมโห

จากกรณีนักท่องเที่ยวจีนโพสต์คลิปลง TikTok ระบุว่า มาเที่ยวภูเก็ต ซื้อแพ็กเกจแบบวันเดียวเที่ยวเกาะสิมิลัน จ.พังงา ราคา 9,000 บาท จ่ายเงินมัดจำ 5,000 บาท แต่เมื่อถึงวันนัดหมาย บริษัททัวร์อ้างไปผิดโรงแรม พอขอเงินคืน คนขายแพ็กเกจไม่พอใจ ทั้งถีบ ทั้งใช้มีดฟันแขนนักเที่ยวได้รับบาดเจ็บ โดยในคลิปมีหญิงคนหนึ่ง พูดภาษาไทย เดินเข้ามาใช้เท้าขวาถีบคนที่ถ่ายคลิป พร้อมกับมีการด่าทอเป็นภาษาไทย แล้วใช้มีดขนาดเล็กฟันแขนคนที่ถ่ายคลิป จนเป็นแผลยาวได้รับบาดเจ็บ โดยในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่เริ่มต้นจากมีครอบครัวชาวจีนติดใจเคยเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยหลายครั้ง แต่การเดินทางกลับมาครั้งนี้ เด็กๆอยากดูเต่าทะเล เลยวางแผนเที่ยวทะเลกัน โดยเดินทางมาจากเมืองหางโจว ประเทศจีน เพื่อมาเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต

และเมื่อวันที่ 29 ม.ค.66 ได้ไปซื้อแพ็คเกจทัวร์เที่ยวเกาะสิมิลันแบบ 1 วัน ไปกลับราคา 9,000 บาทกับบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่ง (Blue Ocean Travel) ซึ่งอยู่ใกล้โรงแรมที่พักแถว ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยจะออกเดินทางในวัน 31 ม.ค.66 และได้ชำระเงินมัดจำไป 5,000 บาท จากนั้นบริษัทนำเที่ยวดังกล่าวได้นัดจะไปรับที่ล็อบบี้โรงแรมเวลา 05.50 น.วันที่ 31 มกราคม แต่พอถึงเวลานัดหมาย นักท่องเที่ยวได้รอบริษัททัวร์มารับอยู่นาน กลับไม่เห็นมารับ ระหว่างนั้นพยายามโทรศัพท์หาบริษัททัวร์หลายรอบ ตั้งแต่เวลา 06.03 น.จนถึงเวลา 07.03 น. รวมโทรทั้งหมด 7 ครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรับสาย

ภายหลังบริษัททัวร์อ้างว่า พวกเขาไปรับผิดโรงแรม เลยไม่พบนักท่องเที่ยว ทางนักท่องเที่ยวเองก็รู้สึกว่าพวกเขาอาจถูกพวกมิจฉาชีพหลอกลวง เลยไปแจ้งความกับตำรวจ และได้ไปที่บริษัททัวร์แห่งนี้ เพื่อเจรจาขอเงินมัดจำคืน 5,000 บาท หลังจากเจรจากันหลายครั้ง บริษัททัวร์ยอมคืนเงินให้เพียง 3,000 บาทเท่านั้น ทางนักท่องเที่ยวรู้สึกว่าพวกเขาเองไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องมาหักเงิน 2,000 บาทอย่างไม่ยุติธรรม ดังนั้นบริษัททัวร์ควรคืนเงินเต็มจำนวน 5,000 บาท ทั้งสองฝ่ายจึงเกิดมีปากเสียงกัน ทางคนของบริษัททัวร์มีการข่มขู่และได้ทำร้ายร่างกายโดยการถีบและใช้มีดฟันแขนนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บดังกล่าว หลังจากนั้นได้ไปโรงพยาบาลรักษาอาการบาดเจ็บ โดยนักท่องเที่ยวยังระบุด้วยว่า ผิดหวังกับหน่วยงานต่างๆ ที่ไปขอความช่วยเหลือ ซึ่งความจริงแล้วพวกเค้ารักเมืองไทย แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เสียใจและผิดหวังมาก จึงได้โพสต์คลิปที่ถ่ายไว้ผ่านโซเชียลมีเดีย

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ที่ สภ.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.คุณเดช ณ หนองคาย ผกก.สภ.กะรน พ.ต.อ.พิสิษฐ์ สวัสดิ์ถาวร ผกก.2 บก.ทท.3 พร้อมด้วยนายนภดล อาวุธธรรมปรีชา นายสำนักงานธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 2 จ.ภูเก็ตและ ร.ต.อ.ภีรวัฒน์ ยอดต่อ รอง สว.(สอบสวน) สภ.กะรนได้สอบปากคำ น.ส.วิริย์ แสวงวิทย์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายด้วยการใช้มีดฟันแขนนักท่องเที่ยวชาวจีนในคลิปที่ปรากฎในโซเชียลมีเดียดังกล่าว ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทที่จำหน่ายแพ็กเกจทัวร์ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปเชิญตัว น.ส.วิริย์มาให้ปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวในเวลาต่อมา เบื้องต้นมีการตรวจยึดมีดพกที่เป็นอาวุธใช้ในการทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวชาวจีนดังกล่าวถูกเก็บไว้ใต้เบาะรถ จยย.ของ น.ส.วิริย์ไว้เป็นหลักฐาน โดยในชั้นสอบสวน น.ส.วิริย์ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนที่ปรากฎในคลิปและทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวชาวจีน พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ส่วนกรณีการตรวจสอบใบอนุญาตบริษัทจำหน่ายแพ็กเกจท่องเที่ยวนั้น เบื้องต้นมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเข้าข่ายความผิดในการพักใช้ใบอนุญาตบริษัทท่องเที่ยวหรือไม่ อย่างไรต่อไป

พ.ต.อ.คุณเดช ณ หนองคาย ผกก.สภ.กะรน กล่าวว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ คือ เกิดจากความเข้าใจผิดในเรื่องการนัดหมายจึงกลายมาเป็นความขัดแย้ง โดยทางคู่กรณีได้มีการไปเจรจากันเองแต่ตกลงกันไม่ได้ จนเป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน และผู้ต้องหาให้การว่าทำร้ายร่างกายกันจริง โดยมีการกระทบกระทั่งกันก่อนที่จะมีภาพปรากฏในติ๊กต๊อกที่เผยแพร่กันอยู่ ซึ่งในส่วนของตำรวจ สภ.กะรน ได้มีการเข้าไปช่วยไกลเกลี่ยก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ในภาพ โดยมีการสอบปากไปแล้วและนัดหมายให้มาเจอกันอีกครั้ง เนื่องจากตกลงกันไม่ได้ ซึ่งขณะนั้นนักท่องเที่ยวแจ้งว่าจะขออยู่ต่อ หลังจากนั้น (ยังไม่ถึงวันนัดหมาย) ทางตำรวจได้รับแจ้งว่านักท่องเที่ยวถูกทำร้ายร่างกาย เบื้องต้นได้สอบปากคำผู้เสียหายในขณะนั้นไม่มีล่ามจึงใช้กูเกิ้ลทาร์นสเลจ ซึ่งนักท่องเที่ยวเข้าใจ และนัดหมายกันอีกครั้ง พร้อมส่งตัวไปตรวจบาดแผล ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลจากแพทย์

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.คุณเดช กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทกันจากเหตุของการให้บริการ และให้การที่เป็นประโยชน์ ซึ่งจะได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย และพกพาอาวุธมีด ส่วนจะแจ้งเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ต้องรอผลการตรวจบาดแผลก่อนว่าเป็นอย่างไร และจะนำตัวส่งฟ้องศาล

ทางด้าน นายนภดล อาวุธธรรมปรีชา หัวหน้าสำนักงานธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้เขต 2 กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางผู้ว่าฯ ได้เน้นย้ำให้ดูระเบียบและข้อบังคับของกฎหมายให้ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบหาข้อเท็จจริงว่า เกิดอะไรขึ้น แต่ในเบื้องต้นทางบริษัทฯ มีการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าผิดระเบียบหรือข้อกฎหมายใดๆ ทางสำนักงานทะเบียนฯ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายที่กำหนด โดยอาจจะมีการปรับหรือพักใช้ใบอนุญาต ซึ่งต้องขอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

Subscribe