ประชาชนชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากต่างแต่งกายด้วยชุดขาว ร่วมชมขบวนแห่พระรอบเมืองหรือพิธีอิ๋วเก้งในงานประเพณีถือศีลกินผัก ประจำปี 2565 ส่งผลให้บรรยากาศภายในตัวเมืองคึกคัก และถนนสายหลักในตัวเมืองต้องปิดการจราจรไปโดยปริยาย
โดยเป็นขบวนแห่พระรอบเมืองของศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในศาลเจ้าใหญ่ของจังหวัดภูเก็ตที่มีม้าทรงขึ้นทะเบียนมากถึง 2,200 คน มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะ ได้มาร่วมเดินในขบวนแห่ด้วย โดยตลอดข้างทางที่ขบวนพระแห่ผ่านจะมีการตั้งโต๊ะบูชา และมีการจุดประทัดราวต้อนรับพระเป็นจำนวนมาก เป็นที่น่าสังเกตว่าหลายจุด จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อาทิ มาเลเซียสิงคโปร์ เป็นต้น มาตั้งโต๊ะและจุดปะทัดรับพระด้วย ทำให้ตัวเมืองภูเก็ตเต็มไปด้วยเสียงและควันปะทัด
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ด้วยประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ตถือเป็นประเพณีที่สำคัญ และยังได้รับคัดเลือกจากกระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็นมรดกวัฒนธรรมของชาติไทย ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่พี่น้องชาวภูเก็ต เนื่องจากในปีนี้มีการจัดงานอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งหลังจากต้องงดบางพิธีกรรมไปในช่วง 2 ที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งตนก็ถือโอกาสนี้มาร่วมขบวนแห่พระของศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง เนื่องในโอกาสครบรอบ 111 ปีของศาลเจ้าดังกล่าว เพื่อร่วมอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม และจากการลงพื้นที่พบว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมงานประเพณีมากขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ แม้อาจจะยังไม่เท่ากับก่อนจะเกิดสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม แต่ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่อีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตามนายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลตั้งแต่มีการเปิดประเทศใน จ.ภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ระหว่างวันที่ 1 ก.ค.64 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนกว่า 1,025,162 คน เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว และจากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างประเทศ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวจากอินเดีย และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง มีแนวโน้มดีขึ้น โดยการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวภูเก็ตเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ พิจารณาได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มีการเดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายนโยบายการเข้าประเทศ ส่วนประเด็นที่จะมีการเพิ่มรายได้และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้มีรายได้เพิ่มเติม นั่นคือ การนำร่องให้ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่สถานบันเทิงเปิดได้ถึงตี 4 สำหรับซอยบางลาป่าตอง ที่จะยกเป็นพื้นที่นำร่อง หรือ “บางลาโมเดล” โดยเตรียมหารือ ศบค.ตุลาคมนี้ หากเปิดได้จะมีโอกาสสร้างเม็ดเงินเพิ่มเดือนละ 100 ล้านบาท และอีกหนึ่งอีเว้นท์ใหญ่ที่สำคัญคือการที่ภูเก็ตได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพ Specialised Expo 2028 หากได้รับการคัดเลือกจะทำให้เกิดเงินสะพัดกว่า 5 หมื่นล้านบาท
