ทีมแพทย์แถลงการสอบสวนโรคฝีดาษลิงรายแรกในประเทศ

ทีมแพทย์แถลงการสอบสวนโรคฝีดาษลิงรายแรกในประเทศ หลัง นทท.ชาวไนจีเรียติดเชื้อ ผู้ป่วยไม่ได้หลบหนีออกจาก รพ.

ที่ ห้องประชุมมุขหลังชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผอ.โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมแถลงข่าว กรณีพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง ที่จังหวัดภูเก็ต เป็นนักท่องเที่ยวชาวไนจีเรีย อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นรายแรกที่พบในประเทศไทย ณ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต

นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล สสจ.ภูเก็ต แถลงข่าวการสอบสวนโรคฝีดาษลิง หลังพบนักท่องเที่ยวชายชาวไนจีเรียอายุ 28 ปีที่เดินทางมาท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ตมีการติดเชื้อว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ค.65 นักท่องเที่ยวชาวไนจีเรียคนดังกล่าวได้ไปตรวจที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในตัวเมืองภูเก็ต หลังจากมีไข้ ไอ จามและมีตุ่มหนองที่ผิวหนัง จากนั้นได้มีการเจาะเลือดส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการ รพ.จุฬาและ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรุงเทพฯ โดยนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้กลับไปกักตัวรอดูอาการที่คอนโดมิเนียมในพื้นที่ ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จนกระทั่งผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการ รพ.จุฬาออกมาเมื่อวันที่ 18 ก.ค.และผลตรวจของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ออกมาในวันที่ 19 ก.ค.ปรกฎว่าติดเชื้อฝีดาษลิง จากนั้นทีมสอบสวนโรคได้ติดตามประสานงานกับนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว เพื่อให้เข้ามารักษาตามขั้นตอน เบื้องต้นนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวอ้างว่าได้เข้ามา จ.ภูเก็ตเมื่อเดือน พ.ย.65 จนถึงปัจจุบัน มีประวัติเสี่ยงชอบเที่ยวสถานบันเทิงและมีเพศสัมพันธ์ุกับหญิงสาว

“เริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 9 ก.ค.65 ที่อวัยวะเพศมีตุ่มหนอง เข้าตรวจ 16 ก.ค.65 เจาะเลือดส่งตรวจห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง ไม่ได้นอน รพ.ตัว และรักษาแบบผู้ป่วยนอก แนะนำให้กักตัวที่คอนโดมิเนียมที่พัก จนวันที่ 18 ก.ค.65 ช่วงเย็นผลออกจากห้องปฏิบัติการแรก ติดต่อนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว โดยเจ้าตัวจะเข้ามาทำการรักษาที่ รพ.เอกชน แต่สุดท้ายปิดโทรศัพท์ จากนั้น สสจ.ภูเก็ตประสาน ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตตรวจสอบ จนพบว่าออกจากคอนโดมิเนียมในพื้นที่ ต.กะทู้ อ.กะทู้ในช่วงค่ำวันที่ 19 ก.ค.65 แล้วหายตัวไป จนมาพบตัวอีกครั้งในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ในวันถัดมา โดยเข้าพักที่โรงแรมแหน่งหนึ่งใน ต.ป่าตอง อ.กะทู้ และหายตัวไปอีกครั้งในเวลาต่อมา หลังเจ้าตัวนำกุญแจห้องพักมาวางไว้ที่เคาน์เตอร์”

สสจ.ภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า การสอบสวนโรคเริ่มมาตั้งแต่ 19 ก.ค.65 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่ไปสอบสวนโรคที่คอนโดมิเนียมแห่งแรกที่ผู้ป่วยพัก จนพบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 รายเป็นชาวไนจีเรีย จากนั้นสอบสวนโรคที่คลินิกที่ผู้ป่วยไปตรวจโรคครั้งแรกก่อนเข้าไปตรวจที่ รพ.เอกชนในเวลาต่อมา ไม่พบผู้เสี่ยงสัมผัสสูง ส่วนรถหรือยานพาหนะที่ผู้ป่วยโดยสารจากคอนโดมิเนียมไปยังที่พักในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบสวนโรค โดยยังพบผู้เสี่ยงสูงตามสถานที่ต่างๆอีก 142 คน เช่น สถานบันเทิง มีอาการไข้ไอ 5 คนและที่พักผู้ป่วยอีก 2 คน เจาะเลือด เพาะเชื้อ ผลออกไม่พบเชื้อ ขณะเดียวกันการสอบสวนโรคจะย้อนกลับไปอีก 2 สัปดาห์เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป ทั้งนี้การติดต่อจะต้องเป็นแบบเนื้อแนบเนื้อ ไอจามใส่หน้าเต็มๆถึงจะติดเชื้อกันได้ สายพันธ์ุเอ 2 หรือเวสแอฟริกา ไม่รุนแรงและไม่อันตราย

ด้าน พล.ต.ต.เสริมพันธ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่านักท่องเที่ยวรายดังกล่าวพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมใน ต.กะทู้ อ.กะทู้ จึงส่งทีมเฝ้า จนพบว่าออกจากคอนโด 19 ก.ค.65 ไปยังพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จนมีการประสานเจ้าตัว จนมีการนัดหมายกันในวันที่ 19 ก.ค.แต่สุดท้ายไม่มาตามนัด โดยจะไปที่ รพ.เอกชนเอง แต่สุดท้ายไม่มา จากนั้นได้บูรณการทีมงาน จนพบพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จนช่วงค่ำวันที่ 20 ก.ค.นำกุญแจมาวางไว้ที่เคาน์เตอร์แล้วเดินหายออกจากโรงแรมไป ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบขึ้นรถยนต์ไปทางพื้นที่ ต.กมลา อ.กะทู้และไปยัง ต.เชิงทะเล อ.ถลาง แต่เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ด่านตรวจภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ยังไม่พบรถคันดังกล่าวออกจากด่านหรือผ่านด่านออกไป และยังไม่พบการเดินทางออกนอกประเทศเช่นกัน

ขณะที่ นพ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผอ.รพ.วชิระภูเก็ตยืนยันผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายแรกดังกล่าวยังไม่ได้เข้ามารักษาตัวที่ รพ.วชิระภูเก็ตแล้วหลบหนีออกไปจาก รพ.แต่อย่างใด จ.ภูเก็ตเป็นเหมือนประตูเมืองของนานาชาติ จึงอาจมีการติดเชื้อดังกล่าวจากต่างประเทศได้ตลอดเวลา โรคฝีดาษลิงเป็นเชื้อไวรัสคล้ายอีสุกอีใส ติดเชื้อจากการสัมผัสตุ่มหนองที่ขึ้นตามผิวหนังหรือการหายใจใส่กัน โดยผู้ป่วยรายนี้เป็นเวสแอฟริกา จัดว่าไม่รุนแรงหรือกับอีกสายพันธ์ุที่ระบาดในแอฟริกา โดยจะมีอาการระหว่าง 5-7 วันในการฟักตัว

Subscribe