นายกฯ เป็นประธานการประชุมความคืบหน้าการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand

นายกฯ เป็นประธานการประชุมความคืบหน้าการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ย้ำไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพ ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกัน เชื่อว่าความร่วมมือจะทำให้งานสำคัญครั้งนี้ ประสบความสำเร็จ

ที่ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมความคืบหน้าการดำเนินการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand โดยในการประชุมครั้งนี้ มีบุคคลสำคัญที่รับผิดชอบการขับเคลื่อนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฯ อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการขับเคลื่อนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand (Thailand Candidature Committee) นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงพาณิชย์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงมหาดไทย นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 11 กระทรวงสาธารณสุข นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้สรุปสาระสำคัญจากการประชุม ดังนี้

นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันสนับสนุน ผลักดันการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand อย่างเต็มที่ ขอบคุณที่สร้างการรับรู้ และขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันเพื่อความสำเร็จของประเทศ ยืนยันรัฐบาลมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อให้ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในสารแสดงเจตจำนง เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานฯ ถึงเลขาธิการองค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau International des Expositions : BIE) เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 แสดงจุดยืนในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงานและนำเสนอศักยภาพความพร้อมของประเทศไทย โดยไทยเชื่อมั่นว่าจะใช้การจัดงานครั้งนี้เป็นแพลตฟอร์มในการขับเคลื่อนการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ ภายใต้แนวคิดหลัก “ชีวิตแห่งอนาคต – แบ่งปันความรุ่งเรือง อยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว” (Future of Life : Living in Harmony, Sharing Prosperity)

ในการประชุมครั้งนี้ มีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและองค์กรธุรกิจภาคเอกชนชั้นนำของประเทศเข้าร่วมกว่า 30 หน่วยงาน เพื่อรายงานความคืบหน้าตามวาระการประชุม อาทิ กิจกรรมรณรงค์หาเสียงสนับสนุนประเทศไทย การเตรียมความพร้อมของสถานที่จัดงานฯ ความคืบหน้าการเป็นเจ้าภาพของจังหวัดภูเก็ต ความก้าวหน้าในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพตามข้อกำหนดขององค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau International des Expositions : BIE) และความร่วมมือกับภาคเอกชนในการสนับสนุนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานฯ

โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการขับเคลื่อนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand (Thailand Candidature Committee) ได้กล่าวถึงการดำเนินงานของ กรรมการฯ ที่ผ่านมา ว่าเป็นการดำเนินการตามขั้นตอน อย่างครบถ้วน ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ได้หยิบยกวาระการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฯ ของไทยในทุกเวที ซึ่งถือเป็นขวัญและกำลังใจสำคัญกับคณะทำงานฯ

ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศได้หาเสียงกับประเทศสมาชิก BIE อย่างต่อเนื่อง ในทุกระดับ ทั้งในรูปแบบทวิภาคีและพหุภาคีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดี โดยมีกำหนดจัดกิจกรรมสำคัญ อาทิ การจัด Reception สำหรับคณะผู้แทนถาวร ณ นครนิวยอร์กในเดือนเมษายน และการจัด Working Lunch ในประเทศไทย โดยเจาะกลุ่มประเทศเป้าหมาย และการจัด Side Event ในการประชุม UNESCAP (ผู้เข้าร่วมระดับรัฐมนตรี) ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ พร้อมกันนี้กระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานถึงการดำเนินการร่วมกับ กต. และ สสปน. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นเจ้าภาพฯ ในครั้งนี้

กระทรวงสาธารณสุขพร้อมยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก ได้เตรียมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม Health & Wellness ให้ทุกหน่วยงาน เพื่อร่วมกันสื่อสารประชาสัมพันธ์ศักยภาพความพร้อมของประเทศไทย ผลักดันให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ

ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เน้นย้ำความพร้อมของทุกภาคส่วนในจังหวัด การสร้างการตระหนักรู้/การสร้างความตื่นตัวและการสนับสนุนการสมัครเป็นเจ้าภาพฯ ของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนชาวภูเก็ต รวมทั้ง ขอรับการสนับสนุนการสมัครฯ จากเอกอัครราชทูตต่างประเทศที่เดินทางมาเยือนภูเก็ต รวมทั้ง ทางจังหวัดได้ดำเนินการสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกทางกายภาพ ได้แก่ การปรับภูมิทัศน์และโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก และเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านการศึกษา การเตรียมความพร้อมของเยาวชนของจังหวัดเพื่อสนับสนุนการสมัคร

ในโอกาสนี้ รัฐบาลได้รับการสนับสนุนจากสมาคมและองค์กรธุรกิจภาคเอกชนชั้นนำของประเทศอย่างดียิ่ง อาทิ กลุ่มธุรกิจธนาคาร ได้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กลุ่มพลังงาน เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กลุ่มรีเทล เช่น บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชันแนล บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กลุ่มสายการบิน เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กลุ่มซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เช่น บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กลุ่มโรงแรม เช่น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ส่วนสมาคมด้านธุรกิจและสมาคมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ ต่างร่วมใจให้การสนับสนุนอย่างพร้อมเพรียงด้วยเช่นกัน โดยร่วมสื่อสารประชาสัมพันธ์การสนับสนุนผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของทางสมาคมอย่างต่อเนื่อง อาทิ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สมาคมธนาคารไทย (TBA) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) หอการค้า สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) สมาคมโรงแรมไทย (THA) สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) (TEA) สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) (TICA) และ สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA) เป็นต้น

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ทราบดีว่างานนี้ไม่ใช่ภารกิจง่าย แต่เชื่อว่าด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน รัฐ เอกชน ประชาชน จะทำให้เกิดเป็นความสำเร็จได้ ขอให้ทุกภาคส่วนติดตามความเคลื่อนไหวของประเทศสมาชิกต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นข้อมูลในการปรับกลยุทธ์ของประเทศไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานฯ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงแนวคิดที่มีมาตลอดในการตัดถนนเส้นใหม่ลงสู่ภาคใต้ เพื่อเป็นเส้นทางเพิ่มเติมในการคมนาคมทางถนนไปที่ฝั่งอันดามันให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น และต้องการยกระดับการท่องเที่ยวทางภาคใต้ของไทยทั้งในฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลในลักษณะแบบ Riviera รวมทั้งเชิญชวนทุกคนร่วมมือร่วมใจให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เห็นความก้าวหน้า ความสงบเรียบร้อย และนำเสนอความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพที่ดีด้วย “ยิ้มสยาม”

Subscribe