ผบ.ตร.ลงพื้นที่ภูเก็ตติดตามความคืบหน้าคดี 2 คนร้าย ซึ่งคาดว่าเป็นชาวต่างชาติกระหน่ำยิงชายสัญชาติอินเดียเสียชีวิต เผยการสอบสวนคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ ขีดวงคนร้ายให้แคบลงจากข้อมูลต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรม
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ติดตามความคืบหน้าคดี 2 คนร้าย ซึ่งคาดว่าเป็นชายชาวต่างชาติ กระหน่ำยิง นายจิมี่ ชันชู ซิง ( Mr.Sandhu Jimi Singh) นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย เสียชีวิตหน้าวิลล่าหรู ริมหาดมิตรภาพ หมู่ที่ 5 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อกลางคืนวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยได้ประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีร่วมกับ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หลักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.เสริมพันธ์ ศิริคง ผบก.ภูเก็ต และทีมสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว ณ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้การสืบสวนสอบสวนเก็บรวบรวมพยานหลักฐานมีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ แต่ขอที่จะไม่เปิดเผยรายละเอียด ซึ่งทางตำรวจได้มีการประสานกับตำรวจอินเดียและแคนาดาเพื่อขอข้อมูลว่าผู้ตายมีความขัดแย้งกับใครอย่างไรบ้าง และเก็บข้อมูลหลักฐานต่างๆอย่างเต็มที่ในการติดตามตัวคนร้ายให้ได้ และได้ขีดวงในการสอบสวนหาตัวคนร้ายให้แคบลงมา และจะเดินหน้าสืบหาคนร้ายอย่างเต็มที่
ส่วนกรณีที่สื่อต่างชาติมีการนำเสนอว่าผู้เสียชีวิตและคนร้ายน่าจะเป็นแก๊งมาเฟียในประเทศอินเดีย และ แคนาดา ผบ.ตร.ระบุว่า ขณะนี้ได้มีการประสานไปยังตำรวจอินเดียและแคนาดา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ส่วนปมสังหารนั้น ขณะนี้ทางเราได้รับข้อมูลจากต่างประเทศและได้ตั้งเป็นประเด็นในการสังหารได้ แต่ยังไม่ยืนยันและฟันธงได้ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากแคนาดาเป็นข้อมูลเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ส่วนที่อินเดียกำลังประสานงานกันอยู่ และข้อมูลที่เรามีอยู่ตอนนี้เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับที่ผู้ตายเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมในต่างประเทศเท่านั้น ส่วนผู้ตายจะเข้ามาท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจก็ยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้
ส่วนคนร้ายจะเป็นชาวต่างชาติหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถยืนยันได้ในขณะนี้ และจะยังอยู่ในภูเก็ตหรือออกจากเกาะภูเก็ตไปแล้วก็ยังไม่สามารถยืนยันได้เช่นกัน แต่จะต้องติดตามตัวมาให้ได้ ในและช่วง 2 วันที่ผ่านมาได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากแล้ว และล่าสุดข้อมูลที่ได้รับเมื่อไปกี่ชั่วโมงนี้เอง
ส่วนกรณีที่มีการพบพาสปอร์ตชื่อไม่ตรงกับผู้เสียชีวิตนั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวไปยังประเทศแคนาดาแล้ว และได้รับข้อมูลยืนยันว่าเป็นพาสปอร์ตที่ออกโดยทางการแคนาดาจริง แต่ข้อมูลที่ใช้ในการออกพาสปอร์ตเป็นข้อมูลเท็จ ซึ่งในส่วนนี้ทางไทยไม่สามารถรู้ได้หรือแม้แต่ประเทศอื่นๆในโลกนี้ เฉพาะฉะนั้นทุกประเทศรวมถึงไทย ใช้ระบบตรวจคนเข้าเมืองด้วยเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์(Biometrics) ถ่ายใบหน้า ม่านตา พิมพ์ลายนิ้วมือ ระบบก็จะจำข้อมูลไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามา เมื่อเข้ามาในครั้งที่ 2 จะเปลี่ยนเล่มพาสปอร์ตใหม่หรือไม่ระบบก็จะโชว์ข้อมูลเก่าที่เข้ามาในครั้งแรก
ซึ่งในส่วนของผู้เสียชีวิตนั้น จากข้อมูลเข้ามาภูเก็ตเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ผ่านขั้นตอนของตรวจคนเข้าเมืองทั้งถ่ายภาพใบหน้าและพิมพ์ลายนิ้วมือปกติที่ดำเนินการอยู่กับผู้เข้าประเทศทุกราย และยังตรวจพบว่าก่อนหน้านี้ผู้เสียชีวิตเคยเดินทางมาประเทศไทย และให้มีการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่าผู้เสียชีวิตเข้ามาประเทศไทยล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ม.ค.นี้ จริงไม่ ซึ่งทางเราเชื่อว่าข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง และจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีประเทศใดได้ส่งหมายจับบุคคลตามหมายจับ Red Notice ของผู้เสียชีวิตมาให้กับทางการไทยแต่อย่างใด และจากข้อมูลที่ได้ประสานกับทางการแคนาดาพบว่าบุคคลที่มีชื่ออยู่ในพาสปอร์ตมีตัวตนจริง
