ผู้การฯ ภูเก็ต เผยคนร้ายจี้ชิงเงินธนาคารเครียดไม่มีเงินใช้หนี้

ผู้การฯ ภูเก็ต เผยคนร้ายจี้ชิงเงินธนาคารเครียดไม่มีเงินใช้หนี้ เนื่องจากประสบปัญหาจากการทำธุรกิจช่วงโควิด 19 ผู้ต้องสารภาพได้เงินมาจึงนำไปใช้หนี้เพื่อนจนครบทุกคน แต่ตำรวจตามยึดได้จนครบ

จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา คนร้ายเป็นชายไทยสวมหมวกแก๊ปสีดำ เสื้อยืดคอวีสีเทา และกางเกงขาสั้นสามส่วน ใช้อาวุธปืนพกสั้นเข้าไปขู่พนักงานประจำเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงเทพ สาขาโลตัส ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้เงินไป 160,000 บาท หลังก่อเหตุได้ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน (ใช้ถุงพลาสติกคลุมหมายเลขทะเบียน) หลบหนีไปในพื้นที่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต กระทั่งช่วงเย็นของวันเดียวกัน (25 ก.ค.65) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวนภูธร จังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ฉลอง พื้นที่เกิดเหตุ เข้าทำการตรวจสอบและควบคุมคนร้ายรายดังกล่าวได้ขณะขี่รถจักรยนต์ยนต์กลับเข้าบ้านในพื้นที่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต ทราบชื่อ คือ นายวิวรรธน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ชาวจังหวัดภูเก็ต จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯ ได้นำตัวไปค้นห้องพัก พบเสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ และอาวุธปืน .38 จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำ ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดยมี พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ร่วมสอบปากคำด้วย เพื่อขยายผลและติดตามเส้นทางการเงินเพื่อนำกลับมาคืนให้กับทางธนาคารต่อไป

ล่าสุด พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวถึงการติดตามจับคนร้ายที่ก่อเหตุดัง กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ฯ ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุและได้ทำการสืบสวนสอบสวนติดตาม กระทั่งพบเบาะแสจากรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายให้ก่อเหตุ เป็นฮอนด้าเวฟสีแดง ซึ่งมีจุดสังเกตว่าเบาะขาด จึงได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด กระทั่งพบเส้นทางการหลบหนีหลังออกจากธนาคารเข้าไปยังซอยสุขสันต์ 1 ต.ราไวย์ และขับไปทางเขากะตะ ก่อนเข้าไปในพื้นที่ ต.กะรน กระทั่งพบรถจักรยานยนต์จอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง จึงได้เข้าไปตรวจสอบ จนทราบว่าผู้ใช้รถเป็นใคร จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐานซึ่งเป็นภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด รวมถึงหลักฐานอื่นๆ ที่รวบรวมได้ จึงทำการขออนุมัติศาลออกหมายจับ กระทั่งจับกุมได้เมื่อคืนที่ผ่านมา (25 ก.ค.65) พร้อมของกลางเกือบครบ ทั้งรถจักรยานยนต์ และเสื้อผ้าที่ใช้ในการก่อเหตุ รวมไปถึงอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืน หน้ากากอนามัยสีแดง และหมวกแก็ปที่ใส่ขณะก่อเหตุ ซึ่งได้มีการเอาไปทิ้งไว้ซอยสุขสันต์ 1 นอกจากนี้ยังมีถุงก็อปแก้ปที่ใช้ปิดป้ายทะเบียนรถ

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้าหนี้เปิดร้านขายของชำและร้านขายส้มตำในช่วงที่เกิดโควิด-19 ที่ผ่านมาประสบปัญหาขาดทุน จึงทำให้ปิดร้าน และมาช่วยเพื่อนปล่อนรถเช่า แต่เงินยังไม่เพียงจึงเกิดความเครียดไม่มีเงินใช้หนี้ที่ยืมจากเพื่อนฝูงมา จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว หลังจากก่อเหตุเสร็จจึงได้นำเงินไปใช้หนี้เพื่อนบางส่วน และใช้หนี้น้องส่วนบางส่วน และคนอื่นอื่นๆอีกบางส่วนจนครบทุกคนที่ยืมมา

ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐาน “ชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” ซึ่งในส่วนของเงินที่จี้ไปนั้น ได้คืนกลับมาทั้งหมด และจะได้นำส่งคืนธนาคารต่อไป

อย่างไรก็ตามในส่วนของการเฝ้าระวังเหตุจากการจี้ชิงทรัพย์ต่างๆ นั้น พล.ต.ต.เสริมพันธ์ กล่าวว่า ในการป้องกันหรือตรวจตราของแต่ละพื้นที่นั้น ได้มีการดั้งด่านและจุดตรวจสัมพันธ์โดยตลอดในเกือบทุกเส้นทางอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในแต่ละจุดเพื่อให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา และมีการปรับมุสอย่างไร เพราะจะช่วยในการสืบสวนและติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้ค่อนข้างมาก ตลอดจนการสังเกตความผิดปกติในการตรวจของเจ้าหน้าที่ฯ ตลอดจนบุคคลผู้พึ่งพ้นโทษ ส่วนของสถาบันการเงินต่างๆ นั้น ได้มีการขอความร่วมมือในการติดตั้งกล้องวงจรปิดซึ่งจะต้องใช้งานได้ รวมถึงสถานประกอบการต่างๆ ด้วย เพราะจะมีประโยชน์ทั้งในการป้องกันและติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้

นอกจากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารจะเข้าขอบคุณ พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ที่สามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว

Subscribe