พบศพ ลูกเรือเบ็ดราว แล้ว

พบศพลูกเรือเบ็ดราวแล้ว ด้านเพื่อนเผยคิดว่า ผู้ตายกลับขึ้นฝั่งได้ไม่คิดว่าจะจมน้ำหาย ตอนเช้าตัดสินใจไปหาที่บ้านปรากฎว่า ไม่พบ จึงแจ้งให้หน่วยงานร่วมค้นหา

จากกรณี เจ้าหน้าที่ศรชล.ภาค 3 ได้รับแจ้งจาก นายประเสริฐ สุภารัตน์ ว่า เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 11 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา เรือเบ็ดราว ได้ชนกับซากเรือจีนที่อยู่บริเวณอ่าวมะขาม จ.ภูเก็ต มีผู้โดยสารรวม 3 คน ปลอดภัยแล้ว 2 คน และยังไม่พบอีก 1 คน คือ นายประคันชัย สุภารัตน์ บิดาของผู้แจ้ง อายุ 60 ปี ซึ่งทราบว่าใส่เสื้อชูชีพและกระโดดออกจากเรือขณะเกิดเหตุสำหรับความคืบหน้าล่าสุด ที่ บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทัพเรือภาค 3 พร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตลำเลียงศพผู้เสียชีวิต คือ นายประคันชัย สุภารัตน์ อายุ 60 ปี ลูกเรือเบ็ดราวที่สูญหายขณะเรือล่มบริเวณซากเรือจีน อ่าวมะขาม ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ตเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากตลอดทั้งวัน ทัพเรือภาค 3 และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลธรรมได้ใช้เรือยาง เฮลิคอปเตอร์และโดรนออกค้นหา จนกระทั่งพบศพติดอยู่บริเวณป่าโกงกาง คลองเกาะผี ตรงข้ามปลายแหลมสะพานหิน ห่างจากฝั่งราว 700 เมตรถึง 1 กม.โดยโดรนของทัพเรือภาค 3 บินไปพบก่อนที่จะใช้เรือยางออกไปนำร่างกลับเข้าฝั่งเพื่อส่งชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัด เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชม.ด้าน นางตุ สุภารัตน์ ภรรยานายประคันชัย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุสามีได้นำเรือออกไปตกปลากับเพื่อนรวม 3 คน โดยผู้รอดชีวิตไปบอกที่บ้านตอนเช้าวันที่ 12 ธ.ค.ว่า เรือเกิดอุบัติเหตุเมื่อกลางดึก โดยไปชนกับซากเรือที่จมอยู่บริเวณหน้าเกาะตะเภา ต.วิชิต อ.เมือง ส่วนสามีได้กระโดดน้ำหนีก่อนที่เรือจะจม โดยสวมเสื้อชูชีพและเกาะถังน้ำมันไว้ จนกระทั่งทหารเรือและหน่วยกู้ภัยช่วยกันออกค้นหาจนพบร่างสามีในที่สุดด้าน นายจรูญ รูปประเสริฐ หนึ่งในผู้รอดชีวิตเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้จอดเรือทำเบ็ดบริเวณแถวราไวย์ หลังจากนั้นจะนำเรือกลับเข้าฝั่งช่วงประมาณเกือบ 1 ทุ่ม วันที่ 11 ธ.ค.64 และใช้เวลาเดินเรือมาจนถึงที่เกิดเหตุประมาณ 2 ทุ่มเศษๆ และได้ชนเข้ากับซากเรือที่จมอยู่ ส่วนของเรือเบ็ดช่วงแรกยังไม่จม แต่น้ำเริ่มเข้ามาในเรือ ผู้สูญหายได้เอาชูชีพมาใส่ และกระโดออกจากเรือ ขณะที่ตนกับไต๋เรือว่ายน้ำตามมาทีหลัง และขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัยในเวลาประมาณเที่ยงคืน จากนั้นแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยเข้าใจว่าผู้สูญหายน่าจะขึ้นฝั่งได้เช่นกัน จึงไม่ได้แจ้งหน่วยงานใด กระทั่งมาทราบในช่วงเช้าว่าผู้สูญหายหายไป จึงแจ้งครอบครัวและหน่วยที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อทำการค้นหา เหตุที่ตอนแรกไม่แจ้งใคร เพราะไม่มั่นใจว่า ผู้สูญหายกลับขึ้นฝั่งแล้วหรือยัง แต่คิดว่าน่าจะกลับเข้าฝั่งได้

Subscribe