ภูเก็ตเปิดโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565

จังหวัดภูเก็ตเปิดโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 กำหนดรับลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 ถึง วันที่ 19 ตุลาคม 2565 รวมระยะเวลา 45 วัน

ณ บริเวณโถง ชั้น 1 (ฝั่งหอประชุม) ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 โดยมีนางสาวนฤมน ศรีสัจจัง คลังจังหวัดภูเก็ตและประธานคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยหน่วยงานที่เป็นคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดภูเก็ต (คบจ.ภูเก็ต) หน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลังในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 13 หน่วยงาน ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พนักงาน เจ้าหน้าที่ เข้าร่วม

นางสาวนฤมน ศรีสัจจัง คลังจังหวัดภูเก็ต คลังจังหวัดภูเก็ตและประธานคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าสืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เห็นชอบการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ โดยคณะกรรมการฯ และกระทรวงการคลังได้มีมติเห็นชอบให้คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด (คบจ.) เป็นผู้ประสานงานในการประชาสัมพันธ์และรับลงทะเบียนในจังหวัดให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ โดยกำหนดรับลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 ถึง วันที่ 19 ตุลาคม 2565 รวมระยะเวลา 45 วัน

ทั้งนี้ การดำเนินการโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐตั้งแต่ปี 2559-2561 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 26,031 คน ประกอบด้วย อำเภอเมือง จำนวน 14,739 คน อำเภอกะทู้ จำนวน 2,932 คน และอำเภอถลาง จำนวน 8,358 คน ซึ่งในปี 2565 ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดิมและประชาชนทั่วไป ที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์จะต้องลงทะเบียนใหม่ทุกคน โดยหน่วยรับลงทะเบียนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย ที่ว่าการอำเภอ ทั้ง 3 แห่ง (ที่ว่าการอำเภอเมือง อำเภอถลาง และอำเภอกะทู้) สำนักงานคลังจังหวัดภูเก็ต, ธนาคารออมสินในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 14 สาขา, ธนาคารกรุงไทย ในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 13 สาขาและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 5 สาขา

ทั้งนี้คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดภูเก็ต (คบจ.ภูเก็ต) ได้จัดทำคู่มือประชาชนสำหรับการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 จังหวัดภูเก็ต เผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในจังหวัดภูเก็ต ครอบคลุมทั้ง 3 อำเภอ 17 ตำบล โดยการบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลังในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 13 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคลังจังหวัดภูเก็ต สำนักงานสรรพากรพื้นที่ภูเก็ต สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ภูเก็ต สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต ด่านศุลกากรภูเก็ต ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต สำนักงาน คปภ.ภูเก็ต ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลาม หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้แก่ ที่ว่าการอำเภอทั้ง 3 แห่ง และสำนักงานท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต รวมทั้ง หน่วยงานสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต

ขณะที่ นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากคำกล่าวรายงานจะเห็นว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ มาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการปฏิรูปการดำเนินนโยบายการจัดสรรสวัสดิการของประเทศไทย ให้สามารถระบุตัวตนของผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง ผ่านการบูรณาการข้อมูลข้ามหน่วยงาน และสามารถใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการจัดสรร สวัสดิการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐให้กับผู้มีรายได้น้อยที่สมควรจะได้รับประโยชน์จากรัฐ อย่างแท้จริง ซึ่งได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในปี 2560 และ 2561 ทั้งนี้ โครงการฯ ที่ผ่านมาช่วยให้หน่วยงานภาครัฐมีข้อมูลเชิงลึกของผู้มีรายได้น้อยรายบุคคล และถูกนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลในการออกแบบนโยบาย มาตรการ และสวัสดิการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐ มุ่งเน้นการพัฒนาที่ตรงตามความจำเป็นและความประสงค์ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแต่ละราย สามารถระบุตัวผู้มีรายได้น้อย ได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น และสะท้อนข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน
ในการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ครั้งนี้ ขอขอบคุณการบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง โดยคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยที่ว่าการอำเภอทั้ง 3 แห่ง และหน่วยงานสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต ในการขับเคลื่อนการดำเนินโครงการ ฯ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสวัสดิการสังคมของภาครัฐและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในระยะเวลาต่อไป

Subscribe