เจ้าของร้านริมหาดป่าตองพร้อมพนักงานของร้าน 3 คนเข้าพบตำรวจ หลังทำร้ายฝรั่งแคนาดาเจ็บ

เจ้าของร้านริมหาดป่าตองพร้อมพนักงานของร้าน 3 คนเข้าพบตำรวจ หลังทำร้ายฝรั่งแคนาดาเจ็บ

ที่ สภ.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นางเตือนใจ (นามสมมุติ) เจ้าของร้านขายอาหารและเครื่องดื่มริม ถ.ทวีวงศ์ (ถนนเลียบชายหาดป่าตอง) ต.ป่าตอง อ.กะทู้ พร้อมด้วย พนักงานของร้าน 3 คน ซึ่งเป็นร้านที่นักท่องเที่ยวชาวแคนาดาไปนั่งดื่มกินก่อนเกิดเหตุทะเลาะวิาท ได้เข้าพบ พ.ต.อ.สุจินต์ นิลบดี ผกก.สภ.ป่าตอง และพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมมาให้ปากคำ ในเบื้องต้นยอมรับว่ามีการชกต่อยนักท่องเที่ยวชาวแคนาดาจริง แต่เนื่องจากนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวไม่ยอมจ่ายเงินค่าอาหารและเครื่องดื่ม

นางเตือนใจ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้มากัน 3 คน ผู้ชาย 2 ผู้หญิง 1 คน จากนั้นได้สั่งเบียร์แล้วลุกขึ้น โดยมีเด็กในร้านเดินไปจะเก็บเงิน แต่เจ้าตัวไม่ยอมจ่ายพร้อมกับผลักอกเด็กในร้านและยังท้าชกอีก จึงเกิดการชกต่อยกันขึ้น โดยมีเด็กๆในร้านเข้าไปช่วยและห้ามปราบ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่รุมทำร้ายนักท่องเที่ยว โดยที่เจ้าตัวบอกว่าถูกชายฉกรรจ์ 5 คนรุมทำร้ายนั้น ไม่จริง โดยทั้งหมดเป็นเยาวชนทั้งสิ้น ส่วนกรณีที่บอกว่าคนร้ายได้ชิงเอานาฬิกาและเงินสดไปนั้น ไม่มีใครกระทำการเช่นนั้น และไม่มีใครนำทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวมา หลังเกิดเหตุก็ได้แยกย้ายกัน โดยไม่มีอาวุธใดๆ มีแค่มัดต่อมัดเท่านั้น ซึ่งยอมรับว่ามีการชกต่อยกันจริง

ด้าน พ.ต.อ.สุจินต์ นิลบดี ผกก.สภ.ป่าตอง กล่าวด้วยว่า หลังจากที่นักท่องเที่ยวชาวแคนาดาคนดังกล่าวได้ไปร้องเรียนและเข้ารักษาตัวที่ รพ.ได้สั่งการให้เร่งรัดสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง โดยเบื้องต้นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติดังกล่าวยังไม่เคยมาแจ้งความแต่อย่างใด โดยมีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตองและเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตไปติดตามตัว จนพบเพื่อขอทราบรายละเอียดต่างๆหรือแจ้งความร้องทุกข์ แต่นักท่องเที่ยวแจ้งว่ายังไม่สะดวกที่จะมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากจะต้องเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาะพีพี จ.กระบี่ จึงไม่สามารถที่จะติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ขณะเดียวกันผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวต่างแสดงเจตนาบริสุทธิ์เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยเป็นการทะเลาะวิวาทกัน เนื่องจากนักท่องเที่ยวมาใช้บริการที่ร้าน แต่ไม่ยอมจ่ายเงิน จึงเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นเท่านั้น ไม่มีการชิงทรัพย์แต่อย่างใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำบุคคลที่อยู่ในที่เกิดขึ้นไว้แล้ว รอเพียงนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวมาให้ปากคำเท่านั้น และจะสามารถสรุปเรื่องราวดังกล่าวได้

Subscribe