กรมการปกครองลงพื้นที่ภูเก็ต ติดตามเหตุฝรั่งเตะหมอ ชาวบ้านร้องถูกลิดรอนสิทธิลงหาดยามูต้องแลกบัตร ย้ำภูเก็ตต้องปลอดมาเฟียต่างชาติ ด้านที่ดินตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. โครงการที่ตั้งวิลล่า
จากกรณีเกิดเหตุ Mr.URS BEAT FEHR หรือ นายเดวิด อายุ 45 ปี ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ทำร้ายร่างกายแพทย์หญิงธารดาว จันทร์ดำ ขณะนั่งชมพระจันทร์ ที่บันไดขั้นสุดท้ายหน้าวิลล่าหรู หลังที่ 23 ภายในโครงการเคป ยามู เรสซิเด้นท์ หาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา จนทำไปสู่ตรวจสอบว่านายเดวิด เข้าข่ายเป็นมาเฟีย และมีการเสนอให้ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) พิจารณาเพิกถอนวีซ่าไปแล้วนั้น
ที่ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ร.ต.อ.เขตรัฐ ชาญศิลป์ ผอ.สำนักอำนวยการกองอาสาสมัครรักษาดินแดน ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมี นายศรัทธา ทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.เลิศสิน สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอ ตม.ภูเก็ต ที่ดิน ปศุสัตว์ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่บ้านยามู เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
ร.ต.อ.เขตรัฐ ชาญศิลป์ ผอ.สำนักอำนวยการกองอาสาสมัครรักษาดินแดน กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากกรมการปกครองให้มาติดตามการจัดระเบียบและปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ ตามที่ปรากฏเหตุการณ์แพทย์หญิงชาวไทยถูกชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย บริเวณชายหาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กรมการปกครองและในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย โดยเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชาวต่างชาติทำตัวเป็นมาเฟีย หรือผู้มีอิทธิพล โดยพบประเด็นหลักในเรื่องการดำเนินการเพิกถอนวีซ่าของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ส่วนเรื่องการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำที่สาธารณะนั้น ได้มีการดำเนินการแล้วเช่นกัน แต่เมื่อลงพื้นที่พบว่ามีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากเส้นทางลงชายหาด ซึ่งปัจจุบันบริเวณดังกล่าวเป็นวิลล่าหรือโรงแรมหรู ทำให้ไม่สามารถลงไปชายหาดพื้นที่สาธารณะได้ จากเดิมเคยลงไปชายหาดได้ จึงแจ้งกรมการปกครองส่วนกลาง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ร.ต.อ.เขตรัฐ กล่าวต่อว่า อดีตชาวบ้านเคยลงไปชายหาดสาธารณะได้ แต่ปัจจุบันมีการสร้างโรงแรม หรือวิลล่าหรู ปิดทางลงไปชายหาด จึงต้องมีการตรวจสอบเอกสารสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งเป็น น.ส.3 ก.โดยได้นำเรียนอธิบดีกรมการปกครองไปแล้ว และจะมีการติดตามในเรื่องนี้
ส่วนวิลล่าหรูนั้น จากการตรวจสอบพบว่า ผู้มีอำนาจลงนามและยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างเป็นชาวต่างชาติ ทางกรมการปกครองจะดำเนินการตรวจสอบว่าการจดบริษัทถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร ซึ่งการจดทะเบียนบริษัทนั้นถูกต้องแน่ เพราะจดได้แล้ว แต่ผู้ที่ถือหุ้นตาม พ.ร.บ.บุคคลต่างด้าว จะมีอัตราส่วนในการถือหุ้นอย่างไร คนไทยถือเท่าไร คนต่างชาติถือเท่าไร เราไม่ต้องการให้คนไทยเป็นนอมินีให้ชาวต่างชาติ ซึ่งจะมีการตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ อีกครั้ง และผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวมีความสามารถที่จะถือหุ้นจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่นอมินี
“รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทยได้เน้นย้ำด้วยว่า จ.ภูเก็ตจะต้องไม่มาเฟียต่างชาติ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงมหาดไทยได้ออกนโยบายการปราบปรามมาเฟีย หรือผู้มีอิทธิพลที่เป็นคนไทยไปแล้ว ยิ่งเป็นชาวต่างชาติยิ่งต้องดำเนินการจัดการอย่างเด็ดขาด” ร.ต.อ.เขตรัฐ กล่าวและว่า จึงอยากให้ทางจังหวัด นายอำเภอต่างๆ ของ จ.ภูเก็ต สอดส่องดูแล และพบการกระทำความผิดขอให้ดำเนินการทันทีและแจ้งมายังกรมการปกครองผ่านศูนย์ดำรงธรรม
ด้าน นายอติชาติ พิเชียรโสภณ ที่ดินจังหวัดภูเก็ต กล่าวในที่ประชุม ว่า หลังเกิดเหตุทางสำนักงานที่ดินอำเภอถลาง ได้ไปตรวจสอบพิกัดที่ดินบริเวณจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นพื้นที่นอกหลักฐานที่ดินที่มีการครอบครอง ซึ่งที่ดินบริเวณวิลล่าดังกล่าวเป็นเอกสาร น.ส.3 ก.ออกมาจาก ส.ค.1 ซึ่งได้มีการออกเป็น น.ส.3 (ครุฑดำ) เมื่อปี 2517 ออกให้ผู้แจ้ง คือ นายบุญส่ง บุญเสริม หลังจากนั้นเมื่อปี 2548 มีการรังวัดเพื่อตรวจสอบเนื้อที่ของ น.ส.3 เปลี่ยนมาเป็น น.ส.3 ก.ปัจจุบันเป็น น.ส.3 ก.เลขที่ 3411 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง เป็นของบริษัท ภูเก็ตเพนนินซูล่า เอสเตท จำกัด
สำหรับวิลล่าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ น.ส.3 ก.ดังกล่าว เป็นการแบ่งเช่าให้บริษัทสร้างวิลล่า สำหรับแปลงวิลล่าที่นายเดวิด เช่านั้นเป็นวิลล่า ที่ 23 ไม่มีการจดทะเบียน อาจเป็นการเช่าแบบรายปี ซึ่งเช่าจากบริษัทเจ้าของวิลล่า
ขณะนี้สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการได้มาของเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. แปลงดังกล่าวแล้ว ซึ่งวันนี้จะทราบผลการตรวจสอบ
