จเรตำรวจหัวหน้าชุดกวาดล้างคนร้ายข้ามชาติแถลงผลการจับกุม 5 คดีสำคัญ

ที่ ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช.ในฐานะ ผอ.ศูนย์ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (ศปชก.ตร.) ขับเคลื่อนนโยบายการปราบปรามเร่งกวาดล้างคนร้ายข้ามชาติและการเข้าเมืองผิดกฎหมายที่แอบใช้ประเทศไทย เป็นที่พำนักในการกระทำความผิดระหว่างประเทศ ทั้งในรูปแบบที่ส่งผลต่อประเทศไทยโดยตรงและส่งผลไปยังประเทศอื่นหลายประเทศ พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผบช.สตม. พล.ต.ต.เสริมพันธ์ุ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และคณะร่วมกันแถลงผลการกวาดล้างปราบปรามและทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ลักลอบกระทำความผิดในห้วงสถานการณโควิด-19 ซึ่งมีเครือข่ายสำคัญและน่าสนใจ

พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช.ในฐานะ ผอ.ศูนย์ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (ศปชก.ตร.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด ตลอดจนการป้องกันปราบปรามการลักลอบกระทำความผิดในลักษณะอาชญากรรมข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร.) ให้ปราบปรามเร่งกวาดล้างคนร้ายข้ามชาติและการเข้าเมืองผิดกฎหมาย ที่แอบใช้ประเทศไทย เป็นที่พำนักในการกระทำความผิดระหว่างประเทศ ทั้งในรูปแบบที่ส่งผลต่อประเทศไทยโดยตรงและส่งผลไปยังประเทศอื่นหลายประเทศ

ประกอบด้วย ดังนี้ 1.การจับกุม 2 ผู้ต้องหาชาวยูเครน หลังหลีกเสี่ยงชำระกาษีจ้างงานมูลค่ากว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในข้อหาร่วมกันให้ที่พักพิงแก่บุคคลต่างด้าว ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฉ้อโกง ทั้งนี้สืบเนื่องจากทาง Homeland Security Investigations (HS) ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประสานขอความร่วมมือให้ช่วยดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย โดยมีพฤติการณ์เมื่อ พ.ศ.2550 – 2564 ผู้ต้องหาทั้ง 2 ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้บริหารกิจการบริษัทจัดหางานหลายบริษัทรัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ดำเนินการจัดหาแรงงานนอกกฎหมายจำนวนหลายร้อยราย ให้ไปทำงานรับจ้างในกิจการงานบริการต่างๆ เช่น โรงแรม บาร์และร้านอาหาร โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ทำการหลีกเสี่ยงการชำระภาษีการจ้างงานให้แก่ภาครัฐ โดยคิดรวมมูลค่าการจ้างงานรวมเป็นเงินกว่า 67 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,258,034,000 บาท) มูลค่าความเสียหายจากภาษีที่หลบเลี่ยงการชำระให้แก่ภาครัฐรวมเป็นเงินประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 337,020,000 บาท) จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้เข้ามาภายในประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยว และพักอาศัยอยู่ที่วิลล่าแห่งหนึ่งใน พื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยเมื่อวันที่ 19 เม.ย.65 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นวิลล่าดังกล่าว พบและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 2 ราย หลังจากนั้นจึงได้ดำเนินการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปดำเนินคดีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตามกฎหมายต่อไป

การจับกุมรายที่ 2 เป็นการรวบขบวนการข้ามชาติ แก๊งสแกมเมอร์ผิวสี หลอกขายสินค้าบนเว็บไซด์ดัง หลอกหญิงไทยเปิดบัญขีม้า ก่อนซ้อมปางตาย โดยเจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร.ได้ร่วมจับกุม นายเอฟ นามสมมติ สัญชาติแคมมารูนในข้อหา “เป็นบุคคลเดินทางเข้ามาและพักอาศัยในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ใด้รับอนุญาต” และนายชี นามสมมติ สัญชาติแคมมารูน ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุดลง โดยสืบเนื่องจาก ศปซก.ตร. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ได้ถูกคนร้ายเป็นคนผิวสีไม่ทราบชื่อนามสกุลทำร้ายร่างกาย หน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขู่ โดยพยายามที่จะพาไปกระทำชำเรา ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายดังกล่าว คือ นายเอฟ มีพฤติกรรมในการเป็นแก็งหลอกลวงคนต่างชาติและคนไทย โดยมักจะตีสนิทกับผู้หญิงไทยและให้ผู้หญิงไทยไปทำการเปิดบัญชี(บัญชีม้า) เพื่อเอามาใช้ในการกระทำความผิดและพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านสายไหม จึงได้ทำการขอหมายค้นต่อศาลอาญามีนบุรี จากการตรวจคันพบนายเอฟ และนายซีอยู่ในบ้านพัก ซึ่งในบ้านพักจะมีห้องทำงานแยกเป็นส่วนตัว โดยจะมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์จำนวนหลายรายการ จึงทำการตรวจสอบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ในที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายทั้ง 2 มีพฤติการณ์ในการหลอกลวงขายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มเว็บไซต์ Alibaba โดยจะทำการปลอมเว็บไซต์ ชื่อ janjirasuanngamdeeveeralak อ้างว่าเป็นเว็บของบริษัทในการทำธุรกิจส่งสินค้าจากประเทศไทยไปต่างประเทศ และเมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อสินค้าจากคนร้าย
บนแพลตฟอร์ม Alibaba แล้วคนร้ายจะให้ลูกค้าเพิ่มการติดต่อส่วนตัวในแอพพลิเคชั่่น เพื่อทำการพูดคุย โดยคนร้ายจะทำการอ้างว่าตนเป็นบริษัทส่งสินค้าจากประเทศไทย มีสินค้าหลายรายการส่งใบรับรองบริษัทและหนังสือเดินทางของคนไทยปลอม โดยคนร้ายได้ทำการตัดต่อปลอมแปลง จนลูกค้าหลงเชื่อจะทำการส่งใบนำส่งสินค้าปลอม (invoice) และประทับตราปลอม
ให้กับลูกค้าที่หลงเชื่อ ต่อมาทางลูกค้าได้สอบถามถึงสถานะสินค้าก็จะมีการอ้างว่าสินค้าไม่สามารถจัดส่งได้ เนื่องจากต้องจ่ายค่าประกัน ทางผู้เสียหายซึ่งเป็นลูกค้าจึงได้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้าย ซึ่งเป็นบัญชีที่เปิดในประเทศอิตาลีและประเทศไทยเป็นหลัก โดยบัญที่เป็นของประเทศอิตาลีจะมีเพื่อนร่วมชบวนการในการจัดการบัญชีอยู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพบว่า มีผู้เสียหายหลายรายความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และได้ทำการขยายผลพบว่าคนร้ายมีพฤติกรรมในการใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นซึ่งเป็นของเพื่อนร่วมชาติไปทำการออกเอกสารราชการต่างๆ เพื่อเอามาใช้ในการหลอกเจ้าหน้าที่หากถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และนายเอฟได้รับสารภาพว่าตนคือ บุคคลที่ทำร้าย หน่วงเหนี่ยวกักขังและบังคับขู่เข็ญผู้หญิงไทยที่ได้เข้ามาร้องเรียนจริง โดยพยายามที่จะพาผู้หญิงไทยขึ้นห้อง แต่ผู้หญิงไทยไม่ยินยอม และหลังจากพาผู้หญิงไทยขึ้นห้องแล้วก็ได้มีเจ้าหน้าที่ รปภ. มาช่วยไว้ทัน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมคนร้ายทั้งสองราย ตรวจยึดของกลาง ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชี รวมกว่า 25 รายการ ส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และได้ทำการติดต่อผู้เสียหายหลายรายเพื่อเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนและแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีทำร้ายร่างกายหญิงไทยในการดำเนินคดีกับคนร้ายตามกฎหมายต่อไป

การจับกุมรายที่ 3 เป็นการรวบสมาชิกแก๊งเงินดำพบพฤติกรรมเคยหลอกผู้เสียหาย สูญเงิน 20 ล้านบาท การจับกุมรายที่ 4 เป็นการจับกุมชาวต่างชาติจัดปาร์ตี้เสพเคตามีนกลางเมืองพัทยา เมื่อวันที่ 30 เม.ย.65 ส่วนการจับกุมรายที่ 5.เป็นการจับกุมนักพนันชาวรัสเซียเปิดคอนโดหรูใน จ.ชลบุรี ลักลอบเล่นการพนันออนไลน์ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวต่ออีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติและการเข้าเมืองผิดกฎหมาย อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน และขอประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชน ผู้พบเห็นการกระทำผิดหรือมีข้อมูลเกี่ยวกับคนร้ายข้ามชาติ และเข้าเมืองผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร.) อาคาร 1 ชั้น 7 สำนักงานตำรวจแห่งชาติถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. 10330 เบอร์โทรศัพท์ 02-205-3708

Subscribe