ดีเอสไอผนึกกำลังหน่วยงานเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ภูเก็ต ปูพรหมตรวจสอบ 9 บริษัทต่างชาติเข้าข่ายนอมินี

ดีเอสไอผนึกกำลังหน่วยงานเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ภูเก็ต ปูพรหมตรวจสอบ 9 บริษัทต่างชาติเข้าข่ายนอมินี ลงพื้นที่หาดยามู ตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินวิลล่าหรู ชี้ สค.1 ส่อเค้ามีพิรุธ ภาพถ่ายทางอากาศเป็นป่าสมบูรณ์ไม่ได้ทำประโยชน์ รอผู้เชี่ยวชาญแปลภาพถ่าย

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ.) พร้อมด้วย นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองคดีความมั่นคง ดีเอสไอ. ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากส่วนกลางและภูเก็ต ซึ่งประกอบด้วย กรมพัฒนาธุรกิจและการค้า กรมการท่องเที่ยว ตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ภาคใต้ เขต 2 ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ณ ห้องประชุมท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต

ทั้งนี้ เพื่อหารือแนวทางการลงตรวจสอบการดำเนินกิจการของบริษัทนำเที่ยวในภูเก็ต ที่มีชาวต่างชาติถือหุ้น ว่าเข้าข่ายเป็นนอมินีหรือไม่ ทั้งหมด 9 จุด หนึ่งในนั้นคือปางช้างของนายเดวิดฝรั่งเตะหมอรวมอยู่ด้วย รวมไปถึงการลงพื้นที่หาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อติดตามตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินในโครงการที่เกิดเหตุชาวต่างชาติทำร้างกายแพทย์หญิงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในภูเก็ต หลังจากที่มีผู้ร้องเรียนไปยังดีเอสไอ.ให้เข้าตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินของโครงการว่าถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายหรือไม่

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตร่วมกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากส่วนกลางและในพื้นที่ภูเก็ตในวันนี้นั้น เพื่อร่วมกันปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 9 แห่ง ว่าเข้าข่ายให้คนไทยเป็นนอมินีหรือไม่อย่างไร ซึ่งเราจะต้องสืบให้ลึกลงไปว่าคนไทยที่ถือหุ้นอยู่ในบริษัทของคนต่างชาตินั้น เข้าข่ายเป็นนอมินีหรือไม่ เพราะหากดูจากเอกสารการจดทะเบียนแล้วก็จะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด คนต่างชาติถือไม่เกิน 49% ซึ่งต้องตรวจสอบในเรื่องของเอกสารทางการเงิน การครอบง่ำกิจการ และอีกหลายๆส่วนเพื่อพิจารณาว่าคนต่างด้าวใช้คนไทยเป็นนอมินีหรือไม่

ส่วนประเด็นการติดตามการตรวจสอบปางช้างของนายเดวิด ชาวสวิสเซอร์แลนด์ พบว่า ตามเอกสารมีการถือครองหุ้นในสัดส่วนที่ถูกต้องตามกฎหมาย คือ ชาวต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 49% และคนไทยไม่เกิน 51% ทั้งนี้ในส่วนของคนไทยที่ถือหุ้นจะต้องมีการพิสูจน์ว่า เป็นการถือหุ้นแทนหรือเป็นนอมินีหรือไม่ โดยจะต้องดูในเรื่องเอกสารการเงิน และประเด็นอื่นๆประกอบกัน เพื่อชี้ชัดว่าการประกอบธุรกิจนี้ เป็นการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่ใช้คนไทยมาเป็นนอมินีหรือไม่ เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจที่หวงห้ามสำหรับคนไทย โดยปัจจุบันพบว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจมากมาย ทำให้มูลค่าสินค้าและบริการมีมูลค่าสูงขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับคนไทยได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ. ตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ

ส่วนปางช้างของนายเดวิด มีความเชื่อมโยงกับและมูลนิธิฯ นั้น เจ้าหน้าที่จะต้องไปดูในส่วนของมูลนิธิที่ต้องจดทะเบียนโดยไม่แสวงหากำไรและตรวจสอบการประกอบธุรกิจปางช้าง ว่าดำเนินการ ทำอะไร ซึ่งจะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมการท่องเที่ยว ตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งจะมีการถือกฎหมายของตนเองเข้าไปตรวจสอบร่วมกัน และที่ผ่านมาดีเอสไอ.ได้ลงมาตรวจพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในการประกอบธุรกิจที่มีการจดทะเบียนตั้งแต่ 50 ล้านขึ้นไป โดยหากทุนจดทะเบียนไม่ถึง 50 ล้านจะเป็นหน้าที่ของ พนักงานสอบสวนท้องที่
รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะลงพื้นที่หาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื่องจากมีการร้องเรียนไปยังดีเอสไอ.ให้ทำการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และที่ดินในโครงการวิลลาหรูที่เกิดเหตุคนต่างชาติทำร้ายร่างกายแพทย์หญิงนั้นอยู่ในเขตพื้นที่หวงห้ามของหน่วยงานราชการหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูจากภาพถ่ายทางอากาศ มีประเด็นและข้อสงสัยที่ตั้งไว้ คือ มีการทำประโยชน์ในพื้นที่หรือไม่ เพราะที่ดินแปลงนี้มีการออก สค.1 ในปี 2517 และ และนำ สค.1 ดังกล่าวมาออกเป็น นส.3 ก.ในปี 2548 จะต้องมีการตรวจสอบว่าได้มีการทำประโยชน์ในที่ดินแปลงนี้มาก่อนหรือไม่ ซึ่งจะต้องพิสูจน์ยืนยันจากแผ่นที่ภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้อ่านและแปลออกมา แต่จากการดูด้วยตาเปล่าจะเห็นว่าเป็นป่าสมบูรณ์ ยังไม่เคยมีการทำประโยชน์ในที่ดินแปลงนี้มาก่อน รวมถึงการสอบพื้นที่ข้างเคียงถึงที่มาที่ไปของการออก สค.1 แปลงนี้ว่าดำเนินการเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

ด้าน นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง กล่าวว่า สำหรับการปูพรมพื้นที่เป้าหมาย 9 แห่งในวันนี้ จะตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารและทางกายภาพ โดยให้นายทะเบียนธุรกิจท่องเที่ยวพิจารณาร่วมกับดีเอสไอ ในการสอบสวนเชิงลึกว่าจะเข้าข่ายการกระทำความผิด การประกอบธุรกิจต่างด้าวหรือไม่อย่างไร จะต้องตรวจสอบเชิงลึกของเส้นทางการเงิน รวมถึงอำนาจของการบริหารจัดการ ซึ่งมีข้อสังเกตเรื่องโครงสร้างการถือครองหุ้น หากพบเป็นลักษณะของคนต่างด้าว มีอำนาจในการบริหารจัดการ และเข้าในลักษณะของนอมินี ดีเอสไอ.ก็จะดำเนินการต่อในการขยายผลสืบสวนสอบสวนต่อไป

สำหรับภาพรวมการลงพื้นที่ 9 เป้าหมาย จะลงพื้นที่ตรวจโดยใช้กฎหมาย 2 ตัว คือในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยดำเนินการคู่กับกฎหมายธุรกิจบริการนำเที่ยวเป็นการดำเนินการแบบคู่ขนาน โดยมีเป้าหมายหลักคือการตรวจสอบ การได้รับอนุญาต ให้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีความถูกต้องหรือไม่ เป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาต หรือไม่ และธุรกิจนั้น มีภารกิจอื่นที่เป็นในลักษณะนอมินี หรือไม่

Subscribe