ตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่ป่าไม้บริเวณหาดนุ้ย

รองอธิบดีกรมป่าไม้ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ปกครอง นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต ตรวจสอบ สิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่ป่าไม้บริเวณหาดนุ้ย ที่มีเอกชนอ้างสิทธิครอบครอง หลังแจ้งความดำเนินดีข้อหาบุกรุก

นายบรรณารักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ พร้อม ด้วย เจ้าหน้าที่ป่าไม้ กำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจภูธรภาค 8 สภ.กะรน และ กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กว่า 100 นาย นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต เลขที่ 88/2567 เข้าตรวจสอบพื้นที่หาดนุ้ย ซอยแหลมมุมนอก หมู่ 2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ภายหลังตรวจ พบว่ามีการเข้ามาบุกรุกใหม่ และมีการแจ้งความดำเนินคดีกับทางผู้บุกรุก ไว้ที่ สภ.กะรน ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 66 และ ล่าสุดมีการแจ้งความอีกครั้ง เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา หลังจากเมื่อปี 2561 -2562 ได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับผู้บุกรุก และ ในปี 2563 ได้มีคำสั่งให้มีการรื้อถอน สิ่งสร้างปลูกสร้างตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507

อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพื้นที่ พบว่าบริเวณทางเข้าหาดนุ้ยมีการเปิดประตูเหล็ก พร้อมเขียนข้อความ ระบุว่าวันนี้หยุดให้บริการ 1 วัน ขณะที่อีกด้านได้ปิดปิดประกาศ แสดงกรรมการสิทธิการครอบครองที่ดิน ห้ามบุคคลภายนอกเข้ายุ่งเกี่ยว รบกวนการครอบครอง เด็ดขาด ผู้ใดฝ่าฟืน จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมรูปแผ่นที่ที่ดิน ลงชื่อ นายสิงหา เพ็งแก้ว เจ้าของที่ดิน โดยมีทนายความฝ่ายผู้อ้างกรรมสิทธิ์ที่ดิน มารับหมายค้น

หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ ได้เข้าไปตรวจสอบ สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่ก่อสร้างอยู่บนพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งพบว่ามีการก่อสร้างอาคารหลายจุด ทั้งที่จุดที่เป็นร้านอาหาร จุดชมวิว จุดพักผ่อน อาคารสำนักงาน บ้านพักคนงาน และ อื่น ๆ ประมาณ 20 – 30 รายการ

นายบรรณารักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงการนำหมายค้นเข้าตรวจสอบ ที่หาดนุ้ยในครั้งนี้ สืบเนื่องจากอธิบดีกรมป่าไม้ได้มอบหมาย ให้มีการตรวจสอบการบุกรุกที่สาธารณะ โดยพาะการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศ โดยวันนี้ เป็นการลงพื้นที่หาดนุ้ย จ.ภูเก็ต เนื่องจากพื้นที่แปลงนี้ เคยมีการจับกุมดำเนินคดี ไว้ เมื่อปี 2561 -2562 มาแล้ว และ มีการรื้อถอนสิ่งสร้างปลูกสร้างตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ในปี 2563 ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ต่อมามีผู้บุกรุกใหม่ ในที่เดิม และทราบว่ากลุ่มที่บุกรุกใหม่ เป็นกลุ่มบุคคลเดิม วันนี้จึงเข้ามาดำเนินการตรวจพื้นที่ ว่า มีการบุกรุกก่อสร้าง แผ้วถาง เปลี่ยนแปลงป่าธรรมชาติอะไรไปบ้าง หลังจากได้ข้อมูล จะกลับมาแจ้งความเพิ่มเติม หลังจากที่เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมาได้มีการแจ้งความไว้แล้ว

หลังจากนั้นทางกรมป่าไม้ จะดำเนินการตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ ที่ผู้อ้างสิทธิ์ครอบครองที่ดิน โดยจะทำหนังสือให้ผู้อ้างสิทธิ์ ดำเนินการรื้อถอนเองก่อน หากผู้ครอบครองไม่รื้อถอนทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการรื้อถอน โดยคิดค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนจากผู้อ้างสิทธิ์ครอบครอบ โดยพื้นที่ที่มีการดำเนินการในครั้งนี้มีประมาณ 18 ไร่ ซึ่งทางผู้ครอบครองได้แสดงความเป็นเจ้าของโดยการล้อมรั้ว และ มีการปิดกั้นไม่ให้คนเข้าและมีการเก็บเงินค่าผ่านทางที่จะเดินไปยังหาดนุ้ย

สำหรับการดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างนั้น จะต้องมีการดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย ภายหลังที่นำรายการบัญชีสิ่งปลูกสร้างที่ที่สร้างในพื้นที่ป่าไม้ แนบท้ายในการแจ้งความ ซึ่งมีระยะเวลาในการออกประกาศ โดยประกาศจะมีการกำหนดระยะเวลา ว่า ให้รื้อถอนภายใน 30 วัน หรือ 45 วัน ซึ่งเป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้ในการดำเนินการยังไม่ถึงขั้นตอนของการสั่งรื้อสิ่งปลูกสร้าง ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นการของการสำรวจสิ่งปลูกสร้างและแจ้งความดำเนินคดีเท่านั้น

นายบรรณารักษ์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับที่ดินที่เข้าดำเนินการในครั้งนี้ขอยืนยันว่า เป็นที่ดินของทางกรมป่าไม้ พื้นที่ประมาณ 18 ไร่ แม้ว่าจะมีผู้แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองก็ตาม เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิ น.ส. 3 ของที่ดินแปลงนี้ ทำให้ที่ดินแปลงกลับมาเป็นที่ดินของป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิดตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 621 ในปี 2516 ซึ่งกรมป่าไม้จะยึดคืนที่ดินแปลงนี้กลับมาเป็นที่ดินของป่าไม้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เมื่อปี 63 ทางกรมป่าไม้ เคยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ที่รุกพื้นที่ป่าไม้ออกไปหมดแล้วครั้งหนึ่ง แต่หลังจากรื้อไปแล้ว ทางกรมป่าไม้ยังไม่ได้เข้าไปใช้พื้นที่ ในการทำกิจกรรม ทำให้ผู้อ้างสิทธิ์ครอบครองกลับเข้ามาก่อสร้างใหม่อีกครั้ง แต่หลังจากนี้ทางกรมป่าไม้จะจัดทำโครงการต่าง ๆในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลและใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งจะทำให้ผู้ที่จะเข้ามาครอบครองในอนาคตทำได้ยากขึ้น

Subscribe