ฝรั่งอ้างลื่น สะดุด เท้าไปถูกหลัง พญ.ไม่ได้เตะ

ฝรั่งอ้างลื่น สะดุด เท้าไปถูกหลัง พญ.ไม่ได้เตะ ด้านพ่อหมอเผยลูกสาวยืนยันว่าจะฟ้องศาลว่าถูกทำร้ายร่างกาย และจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี ที่ถูกเหยียดหยามเรื่องเพศหญิงไทย รวมทั้งไม่อยากให้คนไทยที่มาอยู่ภูเก็ต หรือคนภูเก็ตเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับเธอ

สำหรับความคืบหน้ากรณีแพทย์หญิง รพ.ชื่อดังของ จ.ภูเก็ตเข้าแจ้งความที่ สภ.ถลางระบุถูกชายชาวต่างชาติเจ้าของพูลวิลล่าหรูริมหาดอ่าวยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลางเตะเข้าที่บริเวณหลังได้รับบาดเจ็บ ขณะนั่งชมพระจันทร์ในคืนวันมาฆบูชากับเพื่อนที่บริเวณบันไดพูลวิลล่า ซึ่งคิดว่าอยู่ในพื้นที่ชายหาดสาธารณะ จนเป็นเหตุบานปลาย ภรรยาชายชาวต่างชาติเจ้าของพูลวิลล่าออกมาต่อว่าด่าทอหยาบคายต่างๆนาๆ อ้างมีลูกชายเป็นตำรวจและรู้จักกับนายตำรวจใหญ่ของ จ.ภูเก็ต และถ้ายิงแพทย์หญิงก็ตายฟรี เพราะบุกลุกพื้นที่ของพูลวิลล่าพร้อมกับจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับแพทย์หญิงและเพื่อนในข้อหาบุกรุกในยามวิกาล

ล่าสุดเมื่อค่ำวันที่ 28 ก.พ.67 ที่ สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายเดวิด (นามสมมุติ) พร้อมทนายความได้หอบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เข้าชี้แจงกับ พ.ต.ท.ปฎิวัติ ยอดขวัญ รองผกก.สอบสวนสภ.ถลาง หลังแพทย์หญิงคนดังกล่าวเข้าแจ้งความ นายเดวิด ในข้อหาทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ โดยเป็นคลิปที่ถ่ายที่ นายเดวิด อ้างถ่ายจากโทรศัพท์มือถือของตนเองขณะเดินเข้าไปด้านหลังแพทย์หญิงแล้วลื่น ทำให้เท้าไปถูกด้านหลังของแพทย์หญิง จึงคิดว่านายเดวิดเตะแพทย์หญิง โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวดู อ้างเป็นหลักฐานทางคดี

จากนั้น นายเดวิดเปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านทนายความว่า นายเดวิดไม่ได้เตะคู่กรณี แต่เป็นการสะดุดแล้วเท้าไปถูกหลัง และไม่มีเจตนาที่จะไปเตะเค้า ซึ่งส่วนตัวเป็นทนายความของนายเดวิดและได้มีการพูดคุยข้อเท็จจริงกันมาพอสมควรและได้เห็นพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งนายเดวิดก็มีหลักฐานที่สามารถชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและในส่วนที่เกี่ยวข้อง ถ้าจะมีการดำเนินคดีกับนายเดวิด เราก็เตรียมหลักฐานในส่วนนี้ไว้แล้ว ซึ่งตนในฐานะทนายความก็ต้องทำไปตามพยานหลักฐานว่าไม่ใช่การเตะ

ผู้สื่อข่าวสอบถามนายเดวิดผ่านทนายความว่าจะพูดอะไรถึงแพทย์หญิงคู่กรณีหรือไม่ อย่างไร นายเดวิดกล่าวว่า ตนเองอยากจะแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและอยากที่จะขอโทษที่เท้าของตัวเองหรือตัวไปถูกคู่กรณี และขอยืนยันว่าเป็นการสะดุดล้ม ซึ่งตนเองในฐานะทนายความคิดว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะรู้กันดีว่าเหตุการณ์มันคืออะไร ความจริงแล้วมันมีที่มาที่ไปก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องราวขึ้น คือ ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์คนอื่นเข้ามาบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ทำให้เป็นการบุกรุก และนายเดวิดเคยให้บุคคลในวันนั้นออกไปจากบริเวณดังกล่าว ส่วนกรณีที่ภรรยานายเดวิดต่อว่าแพทย์หญิงและเพื่อน นายเดวิดหรือทนายความไม่ได้ตอบ

ขณะที่ นายเกษม จันทร์ดำ พ่อของแพทย์หญิงคนดังกล่าวว่า หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรับเป็นคดีแล้ว ซึ่งทางลูกสาวยืนยันว่าจะฟ้องศาลว่าถูกทำร้ายร่างกาย และจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี ที่ถูกเหยียดหยามเรื่องเพศภาพหญิงไทย รวมทั้งไม่อยากให้คนไทยที่มาอยู่ภูเก็ต หรือคนภูเก็ตเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับเธอในขณะที่เดินอยู่บริเวณชายหาดสาธารณะ และต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการดูแลคนไทยในภูเก็ต แม้กระแสการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจะบูมขึ้น แต่ไม่ควรจะละเลยคนไทย เหตุที่ต้องดำเนินการเช่นนี้ เนื่องจากคำพูดที่ว่า คนไทยขอโทษต่างชาติได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษคนไทย จึงทำให้ลูกสาวรู้สึกว่า จะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด ส่วนกรณีที่คู่กรณีออกมาบอกว่าไม่ได้เตะแต่เป็นการล้มใส่ ซึ่งประเด็นนี้อากตั้งข้อสังเกตว่าหากเป็นการล้มใส่ของคนที่ตัวโตน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม น่าจะไม่ใช่แค่จุก น่าจะล้มไปทั้งตัว หากล้มใส่จริงมีเหตุผลอะไรที่ต้องไปด่าลูกสาวของตนและเพื่อนที่ไปด้วยกัน ส่วนของสภาพจริงของลูกสาวแม้ว่าจะมีความระแวงและกังวล แต่เธอก็ยืนยันว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ซึ่งทางครอบครัวก็เคารพสิทธิและการตัดสินใจของเธอ

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน สภ.ถลางได้นัด น.ส.ธารดาว จันทร์ดำ อายุ 26 ปี แพทย์หญิงคู่กรณีเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ (29ก.พ.2567)

ทั้งนี้จากการสอบถามไปยัง พ.ต.อ.นิกร ชูทอง ผกก.สภ.ถลาง จ.ภูเก็ตเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวทราบว่า ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนแล้ว เบื้องต้น พญ.ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับมีการตรวจร่างกายจากแพทย์ เนื่องจากผู้เสียหายระบุถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนคู่กรณีที่ถูกระบุว่าเป็นชายชาวต่างชาติเจ้าของวิลล่าหรูริมอ่าวยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลางนั้น ยังไม่ได้เข้ามาแจ้งความกรณีที่ พญ.บุกรุกตามที่มีการกล่าวอ้างในวันเกิดเหตุ ซึ่งตำรวจจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนการกล่าวอ้างว่ารู้จักกับนายตำรวจใหญ่หรือมีลูกเป็นตำรวจนั้น ใครๆก็พูดได้ ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ไม่เกี่ยวกับรูปคดี ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก ตำรวจมีหน้าที่รักษากฎหมาย

Subscribe