เผย 8 วันพบผู้ป่วย “อุจจาระร่วง” ในภูเก็ต 6,382 คน ทั้งไทยและเทศ แนวโน้มการระบาดเริ่มลดลง 70% ติดเชื้อ โนโรไวรัส ไม่พบอาการรุนแรง บางส่วนออกจาก รพ.แล้ว ส่วนผลตรวจน้ำแข็ง-น้ำ คาดอีก 1 สัปดาห์รู้ผล
นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้า การติดตามสถานการณ์ระบาดโรคอุจจาระร่วง ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ขณะนี้แนวโน้มผู้ป่วยลดลง จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 5 – 12 มิ.ย. หรือประมาณ 8 วัน พบผู้ป่วยรวมสะสม 6,382 ราย ซึ่งกระจายในทุกช่วงอายุ มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ
พบผู้ป่วยมากสุดในวันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาทั้ง รพ.รัฐและเอกชน คิดเป็นร้อยละ 5 บางส่วนออกจาก รพ.แล้ว โดยการระบาดพบในหลายพื้นที่ทั้ง อ.เมือง อ.กะทู้ และ อ.ถลาง เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่คาดว่าน่าจะมาจากแหล่งน้ำและน้ำแข็ง จึงมีการเก็บตัวอย่างน้ำแข็ง ในโรงงานผลิตน้ำแข็ง 6 แห่ง ใน จ.ภูเก็ต รวมถึงตัวอย่างน้ำใช้ ส่งตรวจหาเชื้อก่อโรค ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล คาดรู้ผลอีก 1 สัปดาห์
สำหรับอาการผู้ป่วยส่วนใหญ่ คือ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย มีไข้ และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง แต่ผลจากการตรวจใน รพ. พบว่าร้อยละ 70 ติดเชื้อโนโรไวรัส ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบ ของระบบทางเดินอาหาร ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว แม้ร่างกายได้รับเชื้อปริมาณเพียงเล็กน้อย สำหรับเด็กนักเรียนที่มีอาการท้องเสียเป็นกลุ่มก้อน ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่อาการดีขึ้นแล้ว
นพ.กู้ศักดิ์ กล่าวยังได้กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาทาง สสจ.ภูเก็ต ได้กำชับให้สถานประกอบการต่าง ๆ สถานที่จำหน่ายอาหาร ทั้งร้านค้า แผงลอย ดูแลความสะอาดให้ปลอดภัย รวมถึงในแหล่งน้ำใช้ หากมีความจำเป็นที่จะต้องนำน้ำมาใช้ให้ใส่คลอรีนก่อน ขณะที่สถานศึกษาให้เน้นมาตรการสุขาภิบาลอาหารในโรงเรียนอย่างเคร่งครัด ทำความสะอาดจุดเสี่ยง กำชับ รพ.ทุกแห่ง เตรียมยา เวชภัณฑ์ และเตียงให้พร้อมรองรับผู้ป่วย รวมทั้งมอบหมายให้ อสม.เฝ้าระวังผู้ป่วยที่อาจเกิดขึ้นในชุมชน
นพ.กู้ศักดิ์ กล่าวยังได้กล่าวอีกว่า ปัญหาการระบาดของโรคท้องร่วงในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ส่งผลต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวบ้าง เนื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีความกังวล จึงมีการประชาสัมพันธ์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สร้างความเข้าใจและกันป้องกันโรค ยืนยันว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แนวโน้มผู้ป่วยลดลง
