มท.1 ลงพื้นติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและผลการดำเนินงาน กปภ.สาขาภูเก็ต เน้นย้ำ กปภ. ร่วมกับทุกภาคส่วนบูรณาการแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืนเพื่อความสุขของประชาชนสืบไป
ที่ อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของ การประปาส่วนภูมิภาคสาขาภูเก็ต ติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และเดินทางลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานโครงการวางท่อส่งน้ำจากเขื่อนรัชชประภาไป จ.ภูเก็ต พังงา และ จ.กระบี่ ณ โรงสูบน้ำแรงต่ำคลองเจ๊ะตรา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยมี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดินในฐานะประธานกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ ประธานคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายธีรยุทธ สำราญทรัพย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายจักรพงศ์ คำจันทร์ รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 2) รักษาการแทนผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ร่วมลงพื้นที่
นายอนุทินฯ กล่าวว่า ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาตรวจเยี่ยมและเยี่ยมชมแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาภูเก็ต พร้อมทั้งติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และตรวจติดตามผลการดำเนินงานโครงการวางท่อส่งน้ำจากเขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานีไปจังหวัดภูเก็ต พังงา และจังหวัดกระบี่ “ด้วยภาวะวิกฤติภัยแล้งในปัจจุบัน ส่งผลกระทบอย่างมากกับภารกิจของการประปาส่วนภูมิภาค ที่อาจจะมีปริมาณน้ำดิบไม่เพียงพอ ทั้งในส่วนที่ต้องผลิตจ่ายน้ำให้ผู้ใช้น้ำในปัจจุบัน อีกทั้งยังต้องขยายเขตการให้บริการประชาชน สำหรับการดำเนินงานโครงการวางท่อส่งน้ำจากเขื่อนรัชชประภาไปจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ จะช่วยรองรับผู้ใช้น้ำได้เป็นจำนวนมาก จึงขอให้การประปาส่วนภูมิภาครวมถึงทุกหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทย และทุกภาคส่วนร่วมมือกันแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนเพื่อความสุขของประชาชนสืบไป” นายอนุทินฯ กล่าว
นายอนุทินฯ กล่าวต่ออีกว่า ภูเก็ต เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในประเทศไทย เป็นจังหวัดที่สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นอันดับต้น ๆ มีผู้คนทั้งโลกรู้จักในเรื่องของการท่องเที่ยว ตนมีความผูกพันกับจังหวัดภูเก็ต เพราะในช่วงที่เรามีสถานการณ์โควิด-19 ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้รับความเมตตาจากชาวจังหวัดภูเก็ต ในเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในสถานการณ์สถานการณ์โควิด-19 ที่จะทำอย่างไรให้ประเทศเราได้รับความเชื่อมั่น โดยได้รับความความร่วมมือเป็นอย่างดี ใน ในโครงการที่มีชื่อว่า Phuket Sandbox ซึ่งเป็นโครงการที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดสสามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว ก่อนถึงจะสามารถเดินทางไปยังจังหวัดอื่น ๆ ของประเทศไทยได้ ขอขอบคุณพี่น้องชาวจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนทุกภาคส่วนทุกสมาคมที่ยินยอมให้ จังหวัดภูเก็ตเป็นประตูสู่ประเทศไทย
ด้วยเหตุนี้จังหวัดภูเก็ตจึงเป็นที่ดึงดูดของนักท่องเที่ยวเพราะนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้โดยตรงมายังจังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวที่อยากมาสัมผัสธรรมชาติโดยตรง ไม่ต้องการที่จะเดินทางผ่านเมืองหลวง ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจำนวนมาก ส่งผลไปยังการลงทุนมีทั้งการสร้างที่พักอาศัย เกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนต้องช่วยกันดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาก เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีการประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน โดยการจัดเตรียมปัจจัยสี่ และระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้า น้ำประปา รวมไปถึงท่าเรือ สนามบิน ซึ่งทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
โดยในขณะนี้ การประปาส่วนภูมิภาคกำลังดำเนินโครงการวางท่อส่งน้ำจากเขื่อนรัชชประภาจากไปยัง จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับจังหวัดภูเก็ต ให้มีระบบสาธารณูปโภคมารองรับ มีความสะดวก สะบาย ซึ่งทางรัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทย ต้องทันโลก ทันสมัย ทันเหตุการณ์ ทันท่วงที และมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งระบบสุขภาพ ดึงดูดนักท่องเที่ยว ด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงาม
ด้านนายจักรพงศ์ คำจันทร์ รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 2) รักษาการแทนผู้ว่าการ กปภ. กล่าวว่า กปภ. รัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย ให้บริการน้ำประปาสะอาดแก่ประชาชนในพื้นที่ 74 จังหวัดทั่วประเทศ โดยปี 2567 ประเทศไทยประสบกับสถานการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้อุณหภูมิสูง ในขณะที่ปริมาณฝนต่ำกว่าปกติ และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยภาพรวมปี 2567 จะสูงกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งส่งผลให้เกิดภัยแล้งและปัญหาการขาดแคลนน้ำในหลายพื้นที่ กปภ. จึงได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในการให้บริการด้านน้ำประปาผ่านแผนงานและโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตด้านเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และเยี่ยมชมแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาของ กปภ.สาขาภูเก็ต ณ อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต รวมทั้งติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง จ.ภูเก็ต การดำเนินงานโครงการผลิตและส่งน้ำประปาจากเขื่อนรัชชประภาไป จ.ภูเก็ต พังงาและกระบี่ และโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ.สาขาพังงา-ภูเก็ต รวมถึงเยี่ยมชมกระบวนการบริหารจัดการสูบน้ำในช่วงฤดูแล้ง ณ โรงสูบน้ำแรงต่ำคลองเจ๊ะตา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
“กปภ. มุ่งพัฒนาการให้บริการสาธารณูปโภคด้านน้ำประปาและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในทุกมิติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สนองนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ในพื้นที่ภาคใต้ เช่น จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี พร้อมรองรับการให้บริการน้ำประปาเพื่อการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอในอนาคตอย่างยั่งยืน สำหรับสถานีสูบน้ำดิบคลองเจ๊ะตรา ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต อยู่ในความรับผิดชอบของการประปาส่วนภูมิภาค สาขาภูเก็ต มีกำลังการสูบน้ำ 800 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เพื่อส่งไปสถานีผลิตน้ำบ้านบางโจ โดยมีจุดสูบน้ำดิบขุมม่าหนิก และจุดสูบน้ำดิบขุมฮิตเลอร์ไปเติมฝายเจ๊ะตรา และใช้ท่อส่งน้ำดิบ HDPE 400 มม. ไปสถานีผลิตน้ำบ้านบางโจ โดยสถานีผลิตน้ำบ้านบางโจ มีกำลังผลิต 34,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน” นายจักรพงศ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม