ผู้ว่าฯ ภูเก็ต เผย ที่ประชุม ศบค.ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะ เห็นชอบแนวทางปฏิบัติ “ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์” เปิดรับต่างชาติ 1 ก.ค.นี้ ภูเก็ตเดินหน้าเตรียมความพร้อมทุกด้าน วางมาตรการเข้มข้นป้องกันโควิดระบาด ไม่ต้องการปิดเกาะอีกหลังเปิดอีกแล้ว
นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับทาง ศบค.ผ่านทางระบบ video Conference ซึ่งมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ถึงความคืบหน้าการเปิดเกาะภูเก็ตรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตามโมเดล Phuket Sandbox 1 ก.ค.นี้ ว่า ที่ประชุม ศบค.ได้เห็นชอบในแนวทางปฏิบัติที่จะเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป
โดยในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้น ได้เตรียมความพร้อมมาโดยตลอด โดยมุ่งมั่นที่จะเปิดเกาะให้ได้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ตามแนวทางที่ ศบค.เห็นชอบ และช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่มีความสำคัญในการที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนด โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การเปิดรับท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจไปพร้อมกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถตอบคำถามได้ว่า เมื่อเปิดแล้วภูเก็ตได้อะไร ประเทศไทยโดยส่วนรวมได้อะไร และไม่อยากให้มีการปิดเกาะอีกหลังที่เปิดรับต่างชาติไปแล้ว ซึ่งสิ่งเดียวที่จะปิดเกาะหลังจากนี้คือไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดได้
“เชื่อว่ามาตรการที่กำหนดขึ้นมานั้น มีความเข้มข้นเพียงพอที่จะไม่ทำให้มีการแพร่ระบาดของโควิด เช่น การกำหนดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะต้องมาจากกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำจนถึงปานกลาง ฉีดวัคซีนครบโดส เมื่อมาถึงภูเก็ตจะต้องตรวจหาเชื้อโควิด 3 ครั้ง ในวันแรกที่มาถึง วันที่ 6 และวันที่ 12 ต้องพักในโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA Plus ในภูเก็ต 14 คืน ก่อนที่จะเดินทางออกนอกภูเก็ตไปยังพื้นที่อื่นๆ แต่ถ้าจะออกนอกประเทศสามารถออกได้แม้จะอยู่ภูเก็ตไม่ครบ 14 วัน” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวและว่า
ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตเองก็ต้องมีโครงสร้างการบริหารจัดการ โดยจะมีการตั้งศูนย์บริหารจัดการภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ขึ้นมาที่ สถานีตำรวจ 191 เพื่อติดตามสถานการณ์รายวัน มีการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาติดตามตัวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และ คนไทยที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ โดยใช้ระบบ “หมอชนะ” ที่เป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ มีการตรวจสอบระบบว่านักท่องเที่ยวปิดระบบหรือไม่ sha Plus manager จะส่งข้อมูลนักท่องเที่ยวให้กับทาง EOC กลางทุกวัน รวมไปทั้งข้อมูลทั้งหมดจะเชื่อมโยงกับทางท่าอากาศยานภูเก็ต ด่านท่าฉัตรไชย ท่าเรือหลักๆทั้ง 3 แห่ง (ท่าเรืออ่าวฉลอง ท่าเรือรัษฎา และท่าเรืออ่าวปอ) เพื่อตรวจสอบการเดินทางเข้ามาและเดินทางออกนอกพื้นที่ภูเก็ต
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวต่อว่า ถึงวันนี้คิดว่าภูเก็ตมีความพร้อมไปมากแล้ว ส่วนสิ่งที่คิดว่าจะต้องดำเนินการต่อและทำอย่างเข้มข้น คือ การสร้างความมั่นใจในการป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในพื้นที่ ส่วนคนที่จะเข้ามานั้นไม่น่าเป็นห่วงทั้งคนไทยและต่างชาติ หลังเปิดเมืองจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาอย่างแน่นอน ซึ่งทาง ททท.ได้ประมาณการไว้ที่ 129,000 คน ในช่วงไตรมาส 3 สร้างรายได้ให้ภูเก็ตกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท และนักท่องเที่ยวคนไทย 500,000 คน ในช่วงครึ่งปีหลัง สิ่งที่ภูเก็ตจะต้องเพิ่มการและเตรียมพร้อมให้มากที่สุดคือการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคให้ได้ ซึ่งขณะนี้ภูเก็ตสามารถคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อให้อยู่จำนวนที่สามารถควบคุมได้ รวมไปถึงการฉีดวัคซีนก็ไม่มีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จะเดินทางมาตรวจความพร้อมของภูเก็ตอีกครั้ง ก่อนที่จะเปิดเมืองในวันที่ 1 ก.ค.นี้
