รวบสาวแสบและเพื่อนชายร่วมกันโจรกรรมมือถือ-ไอแพคยี่ห้อดังกว่า 40 รายการ

สืบภาค 8 สนธิกำลังสืบเพชรบุรีบุกรวบสาวแสบและเพื่อนชายร่วมกันโจรกรรมมือถือ-ไอแพคยี่ห้อดังกว่า 40 รายการ มูลค่านับล้านบาทมาขายต่อให้ร้านมือถือในห้างดังภูเก็ต

พ.ต.อ.เทพนม สุวรรณรัตน์ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.8 รายงานผลการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรี ต่อ ผบช.ภ.8 และ ผบก.บก.สส.ภ.8 ซึ่งเป็นคดีที่น่าสนใจ เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากและทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมมามีราคานับล้านบาท หลังจากเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.เทพนม สุวรรณรัตน์ ผกก.สส.บก.สส.ภ.8 ได้รับการประสานจาก กก.สส.ภ.จว.เพชรบุรีให้ติดต่อตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรี ลงวันที่ 6 เม.ย.67 ในข้อหาช่วยกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร โดยคาดว่าผู้ต้องหาหลบหนีเข้ามายัง จ.ภูเก็ต จึงด้วย พ.ต.ท.สุริยา รัตนพันธ์ สว.กก.สส.3 บก.สส.ภ.8 นำกำลัง กก.สส.3 บก.สส.ภ.8 ร่วมกับชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ตและชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.เพชรบุรีเข้าตรวจสอบและจับกุม น.ส.มัลลิกา ชุมรักษา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่7 ต.ไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ได้ที่บริเวณร้านขายโทรศัพท์มือถือภายในห้างโลตัส สาขาภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยขณะเข้าจับกุมชุดสืบสวนได้แสดงหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรีให้ น.ส.มัลลิกาเพื่อยืนยันตัวตนตามหมายจับ จากนั้นได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองภูเก็ตก่อนส่งตัวให้กับชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.เพชรบุรีนำกลับไปขยายผล

ทั้งนี้ น.ส.มัลลิกา ได้ก่อเหตุขโมยโทรศัพท์มือถือและไอแพดจากร้านฟ้าโฟนเพชรบุรี หมู่ 1 ต.บ้านหม้อ จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 3 เม.ย.67 และหลบหนีออกจากพื้นที่ จากนั้นชุดสืบสวนพบว่า น.ส.มัลลิกาได้นำของกลางดังกล่าว เช่น โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟนรุ่นต่างๆ ไอแพครุ่นต่างๆ รวมไปถึงปากการุ่นต่างๆรวม 45 รายการ มูลค่านับล้านบาท จากนั้นได้นำมาจำหน่ายในจังหวัดภูเก็ต ต่อมาวันที่ 6 เม.ย.67 ชุดจับกุมสืบทราบว่า น.ส.มัลลิกากำลังนำของกลางดังกล่าวมาจำหน่ายที่ร้านโทรศัพท์มือถือ ภายในห้างโลตัส สาขาภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมือง จึงนำกำลังไปตรวจสอบ และเมื่อไปถึงพบ น.ส.มัลลิกา ผู้ต้องหาตามหมายจับและนายอารีย์ ภัทรโชคชัย อายุ 27 ปี อยู่หมู่ 10 ต.ดอนตะโก อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรีในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร

เบื้องต้นนายอารีย์ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน ส่วน น.ส.มัลลิกายอมรับเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวเช่นเดียวกัน จากนั้นได้ตรวจยึดของกลางที่อยู่ในกระเป๋าถือโคสท์ สีน้ำตาลที่ น.ส.มัลลิกาสะพายอยู่ขณะจับกุม จากนั้นชุดสืบสวนได้ไปตรวจสอบของกลางอีกจำนวนหนึ่งที่เก็บซุกช่อนเอาไว้ในภายในรถยนต์มาสด้า ซีเอกซ์ 5 สีน้ำเงิน ทะเบียน 3 กส 380 กทม.ที่ผู้ต้องหาเช่ามา ซึ่งจอดอยู่บริเวณลานจอดรถหน้าห้างโลตัส สาขาภูเก็ต โดยของกลางที่ตรวจยึดได้มีมูลค่านับล้านบาท เบื้องต้น น.ส.มัลลิกาให้การสารภาพว่าต้องการหาเงินไปใช้หนี้นอกระบบที่กู้ยืมมานับล้านบาท จีงต้องก่อเหตุดังกล่าว แต่มาถูกจับกุมตัวในที่สุด

Subscribe