ศรชล.ภาค 3 เข้าจับกุมเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซีย รุกล้ำเข้ามาทำวางอวนล้อมจับปลาในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ พร้อมลูกเรือ 32 คนและสัตว์น้ำ นำขึ้นฝั่งกักตัวในเรือ 14 วันตามมาตรการป้องกันโควิด ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 เมษายน 2564 นาวาเอก พัลลภ โกมโลทก ผู้บังคับหมวดเฉพาะกิจ ศรชล.ภาค 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเรือปะมงสัญชาติอินโดนีเซีย ลักลอบเข้ามาทำประมงในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพราะของไทย ณ ท่าเรือ PIPO ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต
นาวาเอก พัลลภ โกมโลทก ผู้บังคับหมวดเฉพาะกิจ ศรชล.ภาค 3 กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 8 เมษายน 2564 ศรชล.ภาค 3 ได้รับการประสานจาก ศรชล.จังหวัดพังงา ว่าเครือข่ายเรือประมงไทยในพื้นที่แจ้งเหตุตรวจพบเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซีย จำนวน 3 ลำ ลักลอบทำการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย ที่บริเวณ แลต 08 องศา 00 ลิปดา 00 ฟิลิปดา เหนือ ลอง 96 องศา 21 ลิปดา 00 ฟิลิปดา ตะวันออก (แบริ่ง 265 ห่างจากเกาะภูเก็ต ระยะ 122 ไมล์ หรือประมาณ 250 กิโลเมตร) หลังจากได้รับแจ้งเหตุ ศรชล.ภาค 3 ได้บูรณาการการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสั่งการให้ เรือ ต.994 และ เครื่องบินลาดตระเวนแบบที่ 1 ออกทำการตรวจสอบเรือประมงดังกล่าวว่ามีการกระทำผิดตามที่ได้รับแจ้งหรือไม่
ต่อมา เมื่อ 9 เม.ย.64 เครื่องบินลาดตระเวนแบบที่ 1 รายงานการตรวจพบเรือประมงอินโดนีเซียหลายลำกำลังลักลอบทำการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย จึงได้แจ้งให้ เรือ ต.994 ทราบและเข้าทำการจับกุมเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซียได้ จำนวน 1 ลำ ชื่อ KMRIZKI เป็นเรือประมงประเภทอวนล้อม ลักษณะตัวเรือสีเขียว เก๋งสีเขียว มีลูกเรือ จำนวน 32 คน เป็นสัญชาติอินโดนีเซียทั้งหมด และสัตว์น้ำที่จับได้ และได้นำเรือดังกล่าวกลับเข้าฝั่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ส่ง สภ.เมืองภูเก็ตดำเนินคดีตามกฎหมาย ในเบื้องต้นถูกดำเนินคดีในข้อหา ลักลอบทำการประมงในน่านน้ำไทย เดินเรือโดยไม่ได้รับอนุญาตและคดีลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย
โดยในส่วนของลูกเรือทั้ง 32 คนนั้น เมื่อมาถึงท่าเรือภูเก็ต ทางศูนย์ควบคุมโรคท่าเรือภูเก็ตได้เข้าดำเนินการตรวจคัดกรองตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และกักตัวเรือประมงเป็นเวลา 14 วัน ก่อนที่จะนำขึ้นฝั่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่ทางทะเลฝั่งอันดามันยังคงปรากฏข่าวสารเรือประมงต่างชาติลักลอบเข้ามาทำการประมงอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา เคยมีการจับกุมเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซียในบริเวณดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง ผลสำเร็จของการจับกุมในครั้งนี้ ต้องขอบคุณหน่วยงานใน ศรชล.ภาค 3 ส่วนราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายเรือประมงของไทยที่พบเห็นการกระทำผิดในทะเลและแจ้งข้อมูลต่างๆให้ ศรชล.ภาค 3 นำไปสู่การปฏิบัติเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลและประชาชนไทยให้ยั่งยืนสืบไป
