เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เผยถึงกรณีที่มีประชาชน ได้ไปร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการ ปปช.สภาผู้แทนราษฎร

เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เผยถึงกรณีที่มีประชาชน ได้ไปร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการ ปปช.สภาผู้แทนราษฎรว่าไม่พิจารณาออกเอกสารสิทธิ คือ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือ นส.3ก ให้กับผู้ร้องย้ำถ้าที่มีหลักฐานถูกต้องออกให้ทุกราย

นายวิสิทธิ์ โชคชัย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงกรณีที่ นายกสิกรณ์ (ขอสงวนนามสกุล)ได้ไปร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการ ปปช.สภาผู้แทนราษฎร พร้อมทั้งมีการแถลงข่าวว่า เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองนครศรีธรรมราช กล่าวคือ ไม่พิจารณาออกเอกสารสิทธิ คือ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือ นส.3ก ให้กับผู้ร้อง เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ว่า เดิม นายกสิกรณ์ ฯ กับนายสุชาติ (ขอสงวนนามสกุล)ได้ยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือ นส.3 ก ไว้เมื่อปี 2563 ซึ่งกระบวนการพิจารณาการออกเอกสารสิทธิ์ ปรากฏว่า ที่ดินที่มีการนำมายื่นคำขอนั้นไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิได้ โดยมีการตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน รวมถึงมีการอ่านแปลภาพถ่ายโดยกรมที่ดิน ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวมีสภาพเป็นควนเขา และมีการครอบครองภายหลังการใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน และไม่ปรากฏร่องรอบการทำประโยชน์มาก่อนต่อมาผู้ร้องได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองนครศรีธรรมราช และศาลปกครองฯ ได้มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต โดยให้ดำเนินการไปตามระเบียบและวิธีการให้ถูกต้อง ซึ่งนายกสิกรณ์ฯ ได้นำคำสั่งของศาลปกครองฯดังกล่าวไปร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ เป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการขอให้ศาลปกครองฯ บังคับคดีให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้กับผู้ร้อง ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตขณะนั้น ได้ดำเนินการตามคำสั่งของศาลปกครองฯ แล้ว พร้อมทั้งได้รายงานต่อศาลปกครองฯ ให้ทราบว่า ที่ดินไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้กับผู้ร้องได้

จากนั้นศาลปกครองนครศรีธรรมราช ได้มีคำสั่งยุติการบังคับคดีในคดีดังกล่าว และผู้ร้องได้มีการอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีคำสั่งเห็นชอบหรือยืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองนครศรีธรรมราช ฉะนั้นคำพิพากษาในส่วนนี้สิ้นผลไป ขณะเดียวกันนายกสิกรณ์ฯ ยังได้นำคำพิพากษาศาลปกครองนครศรีธรรมราชซึ่งยังไม่มีคำสั่งให้ยุติบังคับคดีไปร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดมา รวมทั้งได้มีการฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตหลายคน แต่ศาลยกฟ้องทั้งสิ้น

นายวิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่ตัวเองมาดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต นายกสิกรณ์ฯ ก็ได้มายื่นคำขอโดยติดตามเรื่องเดิม ขอให้ออก นส.3 ก ตามคำพิพากษาของศาลปกครองเดิมคดี 158/2551 ซึ่งตนได้แจ้งกลับไปว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ตามที่เจ้าพนักงานที่ดินก่อนหน้าได้เคยแจ้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้น โดยต่อท้ายด้วยว่า หากมีข้อเท็จจริงและรายละเอียด หรือหลักฐานอื่นใดที่สามารถจะนำมาออกเอกสารสิทธิได้ก็ให้นำมายื่นคำขอใหม่

อย่างไรก็ตามนายวิสิทธิ์ กล่าวว่า จากการที่นายกสิกรณ์ฯ แถลงข่าวดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่และจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้มีการมอบหมายให้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายกสิกรณ์ฯ ไว้แล้ว ในข้อหาหมิ่นประมาท, ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
นายวิสิทธิ กล่าวในตอนท้ายด้วยว่า สำหรับจังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันมีโฉนดจำนวน 200,000 แปลง (ในส่วนพื้นที่ อ.เมือง กับ กะทู้) ซึ่งการออกเอกสารสิทธิที่ผ่านมา ด้วยเป็นที่ทราบกันดีว่า จ.ภูเก็ต, จ.กระบี่ และ จ.พังงา เป็นเมืองที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง ฉะนั้นในการออกเอกสารสิทธิแต่ละแปลง จะเป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารสิทธิซึ่งออกจาก สค.1 หรือ นส.3 ก เนื่องจากมีหน่วยงานตามรัฐธรรมนูญมาตรวจสอบอยู่บ่อยครั้ง เช่น ปปช. ดีเอสไอ เป็นต้น ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนมีความมั่นใจ เอกสารสิทธิที่การออกในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยี และการตรวจสอบต่างๆ มีความถูกต้อง 100 %

Subscribe